แกะรอยความสำเร็จของ Spotify เบอร์หนึ่งของโลกแห่งเสียงเพลง

แกะรอยความสำเร็จของ Spotify เบอร์หนึ่งของโลกแห่งเสียงเพลง

สำหรับมิตรรักแฟนเพลง ซึ่งหมายถึงแทบจะทุกคนเลยที่ชื่นชอบการฟังเพลง ณ ตอนนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักกับ Spotify เว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นบริการสตรีมมิ่งเพลง ที่มีเพลงให้คุณเลือกฟังได้แบบ “ถูกลิขสิทธิ์” มากกว่า 30 ล้านเพลง ทั้งไทยและเทศ การันตีความเป็นเบอร์หนึ่งด้วยผู้ใช้มากกว่า 170 ล้านคนต่อเดือน และถ้านับเฉพาะผู้ใช้ที่จ่ายเงินสมัครพรีเมียมแพคเกจ ก็มีมากถึง 83 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมากในทุกๆ ปี

แต่กว่าที่จะมาถึงวันนี้ได้ เส้นทางความสำเร็จย่อมไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ในยุคที่เทคโนโลยีทำให้เรามีเพลงฟรีฟัง (ถ้าเป็นในไทยแต่ก่อน 4 share คือเว็บประจำ)  ซึ่งเรียกว่าเป็นช่วงเวลาวิกฤตของวงการเพลง ที่ต้องประสบปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์หนักมาก แล้วจู่ๆ Spotify ก็กลับมาทำให้เรา จนกลายมาเป็นคำถามที่ว่า ผู้สร้างเขาใช้ “กลยุทธ์” อะไร จึงทำให้โมเดลธุรกิจดังกล่าวนี้ ประสบความสำเร็จขึ้นมาได้ ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาแกะรอยไปพร้อมๆ กัน

สร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่พฤติกรรมของผู้คน

สิ่งที่ Spotify ทำ นั่นคือ การเข้ามาปรับเปลี่ยน “พฤติกรรม” ของเราทุกคนไปอย่างไม่รู้ตัว สมัยก่อนการได้ฟัง “เพลงฟรี” คือสิ่งดีงาม แต่ผู้สร้าง Spotify เขารู้ว่ามันก็ไม่ได้สะดวกสบายอะไรขนาดนั้น ช่องโหว่ของไฟล์ MP3 เหล่านั้นคือ “ขนาดไฟล์ที่ใหญ่” และนั่นเท่ากับว่าคุณจะต้องสูญเสียพื้นที่อันมีค่าในหน่วยความจำของอุปกรณ์ของคุณไป เพลงยิ่งเยอะ เม็มก็ยิ่งเต็มไว ทั้งยังต้องเสียเวลามานั่งดาวน์โหลดไปทีละเพลงๆ

และสิ่งที่ Spotify มีให้ ก็คือ เพลงกว่า 30 ล้านเพลง รวมถึงวิดีโอหรือพอดแคสต์ ที่เพียงแค่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต เราก็สามารถฟังเพลงเหล่านั้นได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาโหลด แถมไม่เปลืองหน่วยความจำเครื่องด้วย นี่ถือเป็นการปฏิวัติอันยิ่งใหญ่แห่งวงการเพลง!

ให้โอกาสผู้ใช้ได้สัมผัสความพรีเมียมกันแบบฟรีๆ

Spotify นั้นเปิดให้ใช้งานได้ฟรี! แลกกับข้อจำกัดอย่างการมีโฆษณาแทรก และผู้ใช้จะไม่สามารถกดข้ามเพลงได้เมื่อครบโควต้าที่กำหนดแล้ว แต่จากข้อดีที่เพิ่งจะปฏิวัติวงการมาหมาดๆ เมื่อครู่ ใครๆ ก็คงอยากลองใช้งานมันดูสักที

ซึ่งก็ดูเหมือน “ผู้สร้าง” เขาจะรู้ข้อนี้ดี ก็เลยเลือกอัดโปรโมชั่นทดลองใช้พรีเมียมแพคเกจฟรี 30 วัน ซึ่งระบบต่างๆ ก็จะดีกว่ามาก โดยเฉพาะการจัด “เพลลิสต์แนะนำ” ตามความชื่นชอบของผู้ใช้นี่แหละ และด้วยความคุ้มค่าในราคาที่เอื้อมได้ จ่ายแค่เดือนละร้อยกว่าบาท ใครล่ะจะไม่ใจอ่อน

เลือกพาร์ทเนอร์ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

คุณภาพของผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งสำคัญ แต่การโปรโมทอาจสำคัญกว่า ซึ่งข้อนี้ Spotify ก็ไม่ด้อยเลย มีทั้งสร้างพาร์ทเนอร์กับแบรนด์ดังๆ อย่าง Coca-Cola, Chevrolet, Motorola, Reebok, Klout ฯลฯ และแคมเปญส่งคำเชิญให้เหล่า Influencer มาสมัครและใช้บริการได้แบบฟรีๆ แล้วผลตอบรับมันก็เลยปังอย่างที่เห็นยังไงล่ะ

ทำให้ “การแชร์” เป็นเรื่องง่าย

“การแชร์” หรือ “ส่งต่อ” เป็นพฤติกรรมสำคัญของผู้บริโภค ที่กลายมาเป็นอาวุธทางการตลาดมานานนมแล้ว ยิ่งมาในยุคโซเชียลมีเดียแบบนี้ แค่ปรับให้บริการของเรารองรับ และทำให้การแชร์เป็นเรื่องง่ายๆ ใครก็พร้อมที่จะส่งต่อสิ่งที่พวกเขากำลังทำ ซึ่ง Spotify ก็ไม่ลืมที่จะมีปุ่มแชร์ผ่านทางโซเชียลมีเดียต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการนั้นแก่ทุกคน