สรุปประเด็นจากงาน Creative Talk 2018 : เปิดมุมมองการตลาดออนไลน์
งาน Creative Talk 2018
Creative Talk นั้นเรียกได้ว่าเป็นงานที่รวมเอาเหล่าผู้มากประสบการณ์ในวงการการตลาด มาพูดคุยให้เราได้ฟังกันในประเด็นต่างๆ และจากงานที่จัดขึ้นในปีนี้ เดี๋ยวเราจะมาสรุปประเด็นส่วนของเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน รวมทั้งแนวคิดด้านการตลาดออนไลน์ เพื่อเป็นการย่อยข้อมูลมากมายที่เราได้มาจากงาน สำหรับให้ผู้อ่านทุกๆ ท่านได้ทำความเข้าใจกันแบบง่ายๆ และสามารถนำไปใช้ได้จริง
การปรับตัวเข้าสู่โลกออนไลน์
จากจำนวนของธุรกิจ SME ที่มีมากถึง 3 ล้านราย ปรากฏว่ามีเพียง 20% เท่านั้นเองที่ก้าวเข้ามาสู่การทำการตลาดแบบออนไลน์ แน่นอนว่าเรื่องนี้สิ่งที่สำคัญมากเป็นอันดับหนึ่งเลยคือ ‘ทัศนคติ’ รวมถึงความพร้อมในการ ‘ปรับตัว’ ของทั้งองค์กร แต่ถ้าคิดจะทำแล้วก็อย่ารีบร้อน ค่อยๆ เริ่มที่ละสเต็ป เอาตั้งแต่การตอบคำถาม 3 ข้อนี้ให้ได้ก่อน ลูกค้าคือใคร? พฤติกรรมของลูกค้าเป็นยังไง? เขาชอบอะไรไม่ชอบอะไร?
สังคมไร้เงินสดกำลังมา!
ไม่ว่าจะเป็น QR Code, Prompt pay, E-payment ฯลฯ ทุกสิ่งที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้จ่ายให้แก่ผู้ที่ไม่ได้พกเงินสดติดตัวมา ถ้าคุณยังไม่มี ให้รีบจัดการ เพราะนี่ไม่ใช่แค่เพียงกระแสสั้นๆ และไม่ได้แคบเพียงแค่ภายในประเทศไทยเท่านั้น แต่มันเป็นเทรนด์ใหญ่ระดับโลก แถมบางประเทศยังจริงจังขนาดวางแผน 5 ปี 10 ปี จะไม่มีการใช้ธนบัตรอีกต่อไป สำหรับผู้ประกอบการตัวเล็กๆ เริ่มต้นแบบง่ายด้วย QR Code ก็ได้ ที่สำคัญอย่าลืมเรื่องการตรวจสอบความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตกันด้วย
ผู้บริโภค หันมารับฟังกันเองมากขึ้น
เมื่อการเข้าถึงข้อมูลสามารถทำได้ง่ายขึ้น ยุคนี้ผู้บริโภคจึงเลือกที่จะฟังกันเองแล้ว ในฐานะเจ้าของแบรนด์ สิ่งที่คุณควรทำจึงน่าจะเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้าจนพวกเขาเลือกที่จะบอกต่อความดีงามนั้นด้วยตัวเอง คอนเทนต์แบบนี้แหละที่คนจะเลือกเชื่อ อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือการรู้จักรับฟังคอมเมนต์ โดยเฉพาะในแง่ลบ ฟังแล้วเก็บเอามาปรับปรุง ไม่ใช่ไปไล่ลบโพสต์ สมัยนี้นักแคปในตำนานมีเยอะ เอาเวลามาปรับปรุงคุณภาพและการบริการของเราดีกว่า
พัฒนาบุคลากรของเรา
ส่งเสริมให้คนของเรานั้นมีทักษะ และความรู้ความสามารถ ในด้านการตลาดออนไลน์ เพราะหลักในการคิดทำแคมเปญ กิจกรรม โปรโมชั่น มันไม่เหมือนกับโลกออฟไลน์ นอกจากตัวเจ้าของแบรนด์แล้ว คนอื่นๆ ในองค์กรก็สำคัญเช่นกัน
รู้จักใช้ AI ให้เป็นประโยชน์
อีกหนึ่งเทรนด์สำคัญอย่าง IOT หรือ Internet of Things ก็เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ เพราะมันจะเติบโตไปด้วยกัน หาวิธีใช้ให้เกิดประโยชน์ดีที่สุด เช่น ใช้ AI ช่วยจับคีย์เวิร์ด, ใช้วิเคราะห์หาผลตอบรับในแง่ลบของแคมเปญ ไปจนถึงบริการซับพอร์ตลูกค้า เป็นต้น
เลือกใช้เครื่องมือโปรโมทให้เป็น
สมมติว่าคุณอยากได้ Influencer สักคน ก็ควรดูที่ความเหมาะสมเป็นหลัก และความเหมาะสมนั้นก็ไม่ได้มีแค่ภาพลักษณ์ของตัว Influencer ว่าเข้ากันกับแบรนด์ไหม แต่รวมไปถึงรูปแบบการโปรโมทนั้นจะตรงกับเป้าหมายของเรารึเปล่า เช่น ถ้าต้องการแค่โปรโมทแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก ก็อาจเลือกใช้ Influencer ที่มียอดผู้ติดตามเยอะ แต่ถ้าต้องการกระตุ้นยอดขายเราอาจเลือกเป็น Micro Influencer แทน เพราะถึงยอดผู้ติดตามจะน้อยกว่า แต่กลุ่มเป้าหมายจะมีความเจาะจงมากขึ้น นั่นเอง
ช่องทางสื่อสารกับลูกค้า ไม่ควรมีแค่ช่องทางเดียว
ทุกวันนี้นอกจาก Facebook แล้ว เราก็ยังมีแพลตฟอร์มอื่นๆ อีกมากมายที่สามารถใช้เป็นช่องทางการสื่อสารกับลูกค้าได้ เช่น Instagram , YouTube, Twitter ฯลฯ และด้วยความไม่แน่นอนของแพลตฟอร์มฟรี! เหล่านี้ ถ้าจะพูดแบบบ้านๆ หน่อย ก็เหมือนว่าเราไป ‘เช่า’ เขาอยู่ เขาจะปรับนโยบายตอนไหนเมื่อไหร่ก็ได้หมด ผลกระทบเรารับเต็มๆ เพราะฉะนั้น นอกเหนือจากแพลตฟอร์มฟรีแล้ว การมี ‘เว็บไซต์’ เป็นของตัวเองไปเลย นับเป็นทางออกที่ดีที่สุดทางหนึ่งทีเดียว
ประสบการณ์ที่ดีบนโลกออนไลน์ ไม่ใช่แค่ความสวยงาม
ทุกวันนี้ UX/UI จึงกลายเป็นสิ่งสำคัญมาก นักออกแบบคนไหนที่เข้าใจและถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ออกมาได้ดี ต้องบอกว่ามีแต่คนอยากได้ตัว ทั้งนี้ก็เพราะการออกแบบ UX/UI นั้น ไม่ได้คำนึงถึงแค่ความสวยงาม แต่ให้ความสำคัญกับการใช้งานที่ง่ายและให้ประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้ใช้ด้วย แล้วก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับการใช้งานบนมือถือด้วย
สมาธิและการจดจำของผู้บริโภคจะสั้นลง
หมายความว่า เรามีเวลาในการทำให้ผู้บริโภคจดจำ ประทับใจ หรืออยู่กับคอนเทนต์ของเรา ‘สั้นลง’ ความชัดเจนของแบรนด์จึงเป็นสิ่งสำคัญ คอนเทนต์ต้องมีความน่าสนใจ ดึงดูดใจ แล้วก็อย่าลืม ทำให้มัน ‘ง่าย’ ต่อการจดจำ