Clinic Marketing (#15) (#18)

https://chat.foxbot.app/webchat/?p=1116283&id=RA4oWc5dayKYU8B9
Video Marketing Form V2

โปรดกรอกฟอร์ม ทางเราจะติดต่อกลับภายใน 24 ชม.

หลังจาก กดส่งฟอร์มแล้ว รบกวนเช็คที่อีเมล Inbox หรือ Junk Mail ทางระบบเราจะมีส่งข้อมูลเพิ่มเติม และตอบกลับให้ทางเมล ภายใน 5 นาที

โฆษณา TikTok มีวิธีทำการตลาดอย่างไร มีโฆษณากี่แบบ อธิบายครบในโพสเดียว

สอนทำโฆษณา TikTok PART 1 Guide to tik tok advertise the platform
 
1. Why advertise on Tiktok (ทำไมถึงควรลงโฆษนาบน Tik Tok)
 

– เพราะแอป Tiktok นี้เป็นที่นิยมมาก

เพราะการมาของอินเตอเน็ตทำให้มีการสร้างคอนเทนท์และ platform เกิดขึ้นมากมาย ซึ่ง TIK TOK นี้เปรียบสเหมือนเด็กใหม่ในวงการไฟแรงซึ่งสามารถจับกระแสได้อย่างรวดเร็ว ในปี 2018-2019 เราสามารถพบแอปนี้ได้กว่าใน 75 ภาษา 500 ล้านดาวน์โหลด , และมาถึงจุดพีกตอนที่ทุกคนต้องกักตัวอยู่บ้านเนื่องจากสถานการณ์โควิด19

 

– เป็นนวัตกรรมใหม่ซึ่งสร้างคอนเทนท์ในรูปแบบของวิดีโอ

ตัวแอปนี้จะให้คุณสร้างวิดีโอสั้นๆในแนวตั้ง ซึ่งไม่เหมือนกับการสร้างคอนเทนท์ด้วยตัวเองของคนทั่วไปเหมือนช่องทางอื่นๆ เพราะแอปนี้จะมี เต้น , ลิปซิ้งค์ , และโดยเฉพาะฟิลเตอร์เสมือนจริงต่างๆซึ่งเป็นสิ่งใหม่สำหรับคนใช้แอปเป็นอย่างมากในการแสดงออกความเปนตัวตนผ่านฟิลเตอร์ เอฟเฟ็คพวกนี้ , TIK TOK ยังเป็นผู้ริเริ่มเทรนด์การสร้างคอนเทนท์แบบวิดีโอสร้างสรรค์ซึ่งคนใช้สามารถหลงไหลไปกับการสร้างคอนเทนท์ได้

 

– จุดเริ่มต้นของรุ่นต่อไป

คนใช้ TIK TOK ส่วนมากจะอยู่ในช่วง GEN Z (เกิดหลังปี 1996) ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ และชาว millenials เกิดประมาน 1981-1996 ซึ่งอาจจะเปนผู้ปกครองของ GEN Z นั่นเอง ทำให้TIK TOKเป็นอีกแอปทีมีผู้ใช้หลากหลายวัย สามารถพบปะกับคนใหม่ๆ เพื่อนๆ ผู้คนหลากหลายวัย จากสังคมนี้ได้

 

– ผู้ใช้ได้เจอเทรนด์หรือสิ่งใหม่ๆ

ในสังคม TIK TOK มีคอนเทนท์ เครื่องมือสร้างคอนเทนท์ แชลเลนจ์ แฮชแทคใหม่ๆมากมาย สามารถทำให้คนเป็นคนดังได้จากการสร้างคอนเทนท์ต่างๆได้ในแอปนี้ และตัวแอปยังสามารถแนะนำวิดีโอที่คาดว่าผู้ใช้จะสนใจได้อีกด้วย และช่วยให้แบรนด์ต่างๆโตไวด้วยการมองเห็นและเข้าถึงที่สูงสุด สิ่งที่ทำให้ TIK TOK น่าสนใจกว่าแอปอื่นๆคือผู้ใช้สามารถสร้างคอนเทนท์ที่สร้างสรรค์ได้มากมายหลายแบบ โดยใช้ เอฟเฟ็คต่างๆที่ทางแอปมีให้ การสร้างแฮชแทคให้เป็นกระแสปากต่อปากในโลกออนไลน์ได้

 

 

2. Reservation buying (การจองโฆษนา TikTok) VS Ad auction (ประมูลโฆษนา)

TIK TOK สามารถทำอะไรได้หลากหลายรวมถึงการลงโฆษณา TIKTOK ด้วย พวกโซเชี่ยลมีเดียอื่นๆสร้างมาเพื่อการเข้าสังคมแล้วค่อยปรับเป็นเพื่อการโฆษณา แต่แอปนี้สร้างมาเพื่อการเข้าสังคมและการโฆษณาตั้งแต่ต้น จึงออกแบบมาเพื่อการโฆษณาทั้งแบบจอง (Reservation buying) และประมูลโฆษนา (Ad auction)

why-advertise-tiktok
 
Reservation buying options
 

1. Brand takeover TikTok

คือการที่เปิดแอพแล้วมีโฆษณาเด้งขึ้นมาทันที และโฆษณาชนิดนี้จะขึ้นมาเต็มจอเพื่อให้เข้าถึงผู้คนเวลาเปิดหรือปิดแอพเพื่ออย่างน้อยคนก็จะเหนโฆษนาอย่างแน่นอน คุณสามารถใช้ brand takeover ในหลายๆรูปแบบ เช่นแบบภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนที่ โฆษณาพวกนี้มีทั้งแบบ ภาพนิ่ง3วิ หรือ วิดีโอ3-5 วินาที . ชนิดนี้เป็นชนิดที่ดีที่สุดในการโฆษณาข้อความที่ตรงไปตรงมา และ การโฆษณาแบบรับรู้วงกว้างเพราะมันสามารถจะขึ้นมาทันทีหลังจากเปิดหรือปิดแอพ จึงทำให้คนหมู่มากเข้าถึงได้ง่าย

 

2. Branded AR Content TikTok

เป็นโฆษณาแห่งอนาคต ผสมความจริงกับโลกสเหมือนจริง มีทั้งแบบ 2D และ 3D . TIK TOK จะสร้างประสบการณ์โลกเสมือนจริง แบรนด์ต่างๆสามารถใส่เอฟเฟคของตัวเองได้ ในแบบ 2D 3D หรือแบบ AR อย่างเช่นสร้างเอฟเฟคสินค้าขึ้นมาทำให้เวลาถ่ายแล้วเหมือนผู้ใช้ถือสินค้าอยู่ในมือ วางไว้บนโต๊ะ การโฆษณาแบบนี้จะทำให้ลูกค้าตื่นเต้นและกลายเป็นกระแสได้อย่างรวดเร็วแถมยังใช้ได้ทั่วโลกอีกด้วย

 

3. Hashtag Challenge TikTok

 

ทำให้ผู้ใช้หรือลูกค้ามีส่วนร่วมในการโฆษนาของคุณด้วยการสร้างแฮชแทคเฉพาะเจาะจงและใส่ฟังค์ชั่นซื้อสินค้าไว้ในคอนเทนท์นั้นๆ สรุปคือลูกค้าจะเป็นส่วนนึงของการโฆษณาให้คุณด้วยการร่วมสนุกและโพสลงในแอคเคาท์ตัวเองนั่นเอง . มันเป็นการเข้าถึงลูกค้า\ผู้ใช้ในรูปแบบทำร่วมกัน เพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงได้ง่ายเพราะว่าเค้าจะได้เห็นโฆษณาจากคนที่เค้าไว้ใจ เช่น เห็นเพื่อนเล่นก็เล่นแชลเลนจ์ตาม และชักชวนคนทั่วไปให้มาเล่น แชลเลนจ์ ใน ธีมที่เป็นสินค้าของเราได้อีกด้วย . และโฆษณาแบบนี้จะอยู่ไปเรื่อยๆจนกว่าเจ้าของโฆษนาจะถอนออก . สามารถจ่ายเป็นแพคเก็จ 3-6 วัน โดยทางแอพจะมีบริการให้ข้อมูลต่างๆที่สำคัญในการสร้าง แฮชแทค หรือ เอฟเฟคสำหรับสินค้าหรือบริการของเรา

 

4. Top View TikTok

 

เป็นโฆษณาที่เด่นชัดที่สุดของTIK TOK เพราะมันจะโชว์เป็นวิดีโอแรกผู้ใช้จะเห็นเต็มๆ ทั้งภาพ เสียง และ คำอธิบาย , top view เป็นโฆษณาระดับพรีเมี่ยมที่ถ้าใช้แล้วยังไงผู้ใช้ที่เป้นเป้าหมายหลักก็เห็นแน่ๆ . ตอนนี้TIK TOK ให้ใช้วิดีโอ 60 วิแบบเต็มหน้าจอแบบเสียงและวิดีโอเล่นอัติโนมัติโดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องคลิกเล่น , โฆษณาแบบนี้จะทำให้คนเข้าถึงแบบ 100 เปอเซนต์

 

5. In-Feed Ads TikTok

 

โฆษณาแบบนี้จะไม่เด่นเหมือนแบบ TOP VIEW แต่จะเห็นเมื่อผู้ใช้เลื่อนผ่านฟีดที่ตัวเองติดตามหรือชอบ แบรนด์คุณจะโผล่ขึ้นมา .โฆษณาแบบนี้จะให้คุณสร้างคอนเทนท์ของสินค้าหรือแบรนด์คุณและจะไปโผล่ในหน้าฟีดข่าว “FOR YOU” . ดึงดูดความสนใจผู้ใช้ด้วยวิดีโอ 60 วิแบบเล่นอัติโนมัติในหน้าฟีด for you และผู้ใช้สามารถ ไลค์ คอมเม้น แชร์ ติดตาม หรือถ่ายวิดีโอด้วยธีมเดียวกับสินค้าของคุณ

 

Reservation Cost (ค่าจอง)

ค่าลงโฆษนาของTIK TOK จะใกล้เคียงกับช่องทางอื่นๆ เช่น $25,000 สำหรับ 1 in-feed video , $240,000 สำหรับ Top View takeover 1 วัน (อ้างอิงจากราคาของไนกี้) แต่สำหรับแบรนด์ทั่วๆไปก็จะถูกลงหน่อยเพื่อเปิดโอกาสให้โฆษณาต่างๆได้เข้ามาในTIK TOK ได้เช่นเดียวกัน

 

AUCTION AD OPTIONS

ถ้าการจ่ายแพงๆเพื่อจองโฆษณาไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสำหรับคุณ , มีอีกทางนึงที่เหมือนกับเฟซบุคที่ให้คุณมีส่วนร่วมในการประมูลเพื่อพื้นพี่โฆษนาโดยการเสนอราคา ซึ่งการเสนอราคานี้มีหลายแบบขึ้นอยู่กับกลยุทธ์สำหรับแบรนด์หรือสินค้าที่คุณต้องการจะโปรโมทด้วย คุณอาจจะต้องการโปรโมททั่วไป หรือ เจาะจงเฉพาะกลุ่มคนที่เราต้องการโดยต้องศึกษาวิธีต่างๆให้ดีก่อนจะเริ่มทำ ซึ่งวิธีการเสนอราคามี 4 แบบ ดังนี้

1.Cost Per Click (CPC)
การเสนอราคาแบบนี้คือการเสนอราคาที่ต้องจ่ายต่อการคลิก1ครั้ง โดยผู้จ้างจะเสียเงินต่อเมื่อมีการคลิก1ครั้ง โดยระบบจะโพสโฆษณาของคุณให้กับกลุ่มคนที่โอกาสจะคลิกดูโฆษณาคุณมากที่สุด

2.Optimized Cost Per Click (oCPC)
จะคล้ายๆกับแบบแรกแต่ว่าจะซับซ้อนกว่าแบบแรกเพราะว่าจะไม่นับการคลิกแต่นับการจากโหลดแอพหรือว่ายอดซื้อสินค้าหรือกดไลค์หรือต่างๆ(result,conversion)และคุณเป็นคนกำหนดว่าต้องการจ่ายประมานไหน

3.Cost Per One Thousand Impressions (CPM)
ถ้าคุณไม่ได้เจาะจงเป้าหมายมากนักแต่เน้นปริมาณผู้ใช้ที่จะเข้าถึงโฆษณา CPM เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะว่าทางTIK TOKจะเน้นการโพสโฆษณาให้เข้าถึงผู้คนมากที่สุดภายในงบของคุณ

4.Cost Per View (CPV)
เหมาะกับโฆษณาที่เป็นวิดีโอมากที่สุด คิดค่าโฆษณาต่อการชมวิดีโอหนึ่งครั้ง ส่วนมากแล้วจะใช้กับ Platform วิดีโอ เช่น Youtube, Facebook video , TIK TOK คิดเงินเมื่อผู้ใช้ดูวิดีโอจนครบเวลาที่ Platform เหล่านั้นกำหนด โดยทางTIK TOKจะพยายามให้ค่าใช้จ่ายอยู่ภายในงบที่ท่านกำหนด

 

AD SPECS & UPLOADING OPTIONS (รูปแบบโฆษณาและตัวเลือกการดาวโหลด)
ทางระบบTIK TOK จะสามารถโพสโฆษณาได้แค่ในรูปแบบวิดีโอเท่านั้น

Uploading Your Creative (การอัปโหลดคอนเทนท์สร้างสรรค์ของคุณ)
1.อัพจากคอมพิวเตอร์โดยตรง
2.อัพจากคลังในTIK TOK โดยในคลังจะมีวิดีโอต่างๆอยู่ในคลังสามารถเลือกมาอัพได้เช่นเดียวกัน
3.สร้างวิดีโอด้วยตัวเองด้วยเครื่องมือสองอย่างนี้
3.1ใช้ video template – การสร้างวิดีโอจากภาพหรือรูปแบบที่มีอยู่แล้ว
3.2ใช้ smart video – เป็นFunctionซึ่งจะช่วยวิเคราห์การตัดแต่งวิดีโอเหมือนมือโปรทำ

Automated Creative Optimization (ระบบการสร้างโฆษณาอัติโนมัติ)
เป็นเครื่องมือที่ช่วยคุณจัดการกับการสร้างโฆษณาของคุณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยคุณสามารถอัพโหลดภาพหรือวิดีโอแล้วกดปุ่ม call-to-action จากนั้นทางระบบจะผสม ปรับแต่งโฆษณาของคุณให้เหมาะสมกับแคมเปญของคุณ และทางระบบจะนำเสนองานโฆษณาของคุณไปสู่เป้าหมายที่เหมาะสม

automated-creative-optimization

 

TIKTOK ADS FORMAT รูปแบบโฆษณา

In-feed video » ยาว 5-15 วินาที – เต็มหน้าจอ – สามารถคลิกดูได้ – พร้อมเสียงเพื่อประสบการณ์รับชมโฆษณาที่ดีขึ้น

 

Ad Creation Best Practices สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนสร้างโฆษณา
ก่อนที่จะเริ่มสร้างโฆษณา
1.จำนวนโฆษณา 3-5 ชิ้น ต่อกลุ่มเป้าหมาย
2.การเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมาย : อย่าเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายที่มีอยู่แล้วแต่ให้สร้างกลุ่มเป้าหมายใหม่ขึ้นมาแทน
3.การเปลี่ยนโฆษณา – อย่าอัพวิดีโอที่มีอยู่แล้วในกลุ่มเป้าหมายนั้นๆ ให้สร้างวิดีโอขึ้นมาใหม่
4.การใช้การสร้างวิดีโอโฆษณาโดยอัติโนมัติ

Cost of advertising
ค่าโฆษณาขึ้นอยู่กับงบของคุณด้วย การจองโฆษณา(Reservation buying)อาจจะแพงไปสำหรับหลายๆแบรนด์เพราะฉะนั้นสามารถใช้การประมูลโฆษณา(AD auction)เพื่อราคาที่ถูกลงเนื่องจากหลายๆแบรนด์จะได้มีโอกาศลงโฆษณา แต่การลงโฆษณาทั้งสองแบบโดยเฉพาะแบบประมูลควรศึกษาดีๆก่อนจะลงทุน

 

3. การตั้งค่าโฆษณา Setting up your ad platform

ประเภทของโฆษณาที่หลากหลาย และประโยชน์ของการโฆษณาบน TikTok
การทำความเข้าใจของวิธีการตั้งค่าต่างๆ

 

SETTING UP THE PLATFORM (การตั้งต่าแพลตฟอร์ม)

https://business.tiktok.com/

-เริ่มต้นด้วยการลงทะเบียน วิธีการดังนี้

1. กด “ที่นี่” เพื่อเริ่มต้นการลงทะเบียน
2. เลือกประเทศ / ภูมิภาคสำหรับการเรียกเก็บเงิน และประเภทบัญชีของคุณ ในด้าน “ธุรกิจ” หรือ “บุคคลธรรมดา”
3. คลิก“ ถัดไป” สำหรับทำตามขั้นตอนต่อไป ตามประเภทบัญชีของคุณ
4. กรอกอีเมลหรือหมายเลขโทรศัพท์ สร้างรหัสผ่าน และรับรหัสยืนยัน
5. คลิกที่ “สมัคร”
6. กรอกรายละเอียดบัญชี และกดยอมรับในข้อตกลงและเงื่อนไขต่างๆ

setup-tiktok
 

– การตั้งค่าบัญชีการโทรเข้า

การตั้งค่าเพื่อทำให้บัญชีของคุณสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายและเพิ่มประสิทธิภาพของโฆษณาในการเข้าถึงผู้ชม โดยเริ่มต้นด้วยการตั้งค่าของPixelในอย่างแรก โดยPixelจะสามารถใช้งานสำหรับการสร้างโฆษณา และเครื่องมือการวัดconversionทั้งหมดที่คุณต้องการ (conversion คือการที่ผู้ใช้ได้ทำActionเป็นไปตามเป้าหมายที่คุณวางไว้ )
1. ในแดชบอร์ดตัวจัดการโฆษณา (Ads manager) กดที่บัญชีของคุณที่มุมขวาบนเพื่อเข้าถึงแถบเมนู เลือกที่ การตั้งค่าบัญชีโฆษณา (Ad Account Settings) ทางด้านขวาของ ข้อมูลบัญชี (Account Informaation)
2. กดที่ ‘’ การตั้งค่า ‘’
3. กดเลือก “Bussiness information”
4. กรอกข้อมูลด้านธุรกิจของคุณ
5. กดที่ “ Primary contact”
6. กรอกข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อของคุณ (รวมถึง ชื่อผู้ติดต่อ เบอร์โทรศัพท์ และที่อยู่อีเมล)
7. กดที่ “tax information”
8. ใส่ข้อมูลเกี่ยวกับการหักภาษีให้ถูกต้อง
9. กดเลือก “วิธีการชำระเงิน”
10. กรอกรายละเอียดสำหรับการชำระเงิน

 

การตั้ง Pixel Basics

ถ้าคุณเป็นนักการตลาดออนไลน์คุณจำเป็นต้องเคยใช้ pixelมาก่อน และรู้ถึงความสามารถในการรวบรวมและจัดเก็บพฤติกรรมของผู้ใช้งานบนเว็ปไซค์
โดยเราต้องเริ่มจาก การติดตั้งpixel TikTok ก่อนที่จะกำหนดผู้เข้าชมและกลุ่มเป้าหมาย เมื่อสร้าง pixel แล้วคุณจะสามารถสร้างแคมเปญได้มากเท่าที่คุณต้องการ และยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้เป็นไปตามที่เราต้องการ

การตั้งค่าและการติดตั้ง Pixel
1. สร้าง Pixel : ตั้งชื่อ pixel และ รับโค้ดของpixel
2. ติดตั้ง Pixel : คุณสามารถเพิ่มโค้ดpixelได้ด้วยตัวเองผ่านทางเว็ปไซค์ หรือ ทาง Google Tag Manager
3. ดาวโหลด Tiktok Pixel Helper : คุณสามารถใช้ TikTok Pixel Helper เพื่อตรวจสอบว่ามีการเพิ่มโค้ดพิกเซลอย่างถูกต้องหรือไม่ และสามารถกระตุ้นเหตุการณ์ได้สำเร็จ
4. การเลือกหมวดหมู่ : การเลือกหมวดหมู่อุตสาหกรรมได้ตรงกับธุรกิจของคุณเพื่อสร้างสถานการณ์ได้อย่างสอดคล้องกัน
5. กำหนดเหตุการณ์ : การกำหนดชุดเหตการณ์เพื่อติดตามและจัดเก็บพฤติกรรมของผู้ใช้ โดยคุณสามารถกำหนดกฎการติดตามสำหรับแต่ละเหตุการณ์ได้
6. การสร้างโฆษณา และ การดูข้อมูล : เลือกเหตการณ์และกลุ่มเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ หลังจากที่แคมเปญได้เริ่มใช้งาน โดยสามารถดูข้อมูลได้ผ่านทาง Event Manager

 

  1. How to Create a Pixel วิธีการสร้าง Pixel

How to Create a Pixel1. คลิก“ กิจกรรม” ในแท็บไลบรารี
2. เลือกพิกเซลเว็บไซต์แล้วคลิก “จัดการ”
3. คลิก “สร้างพิกเซล”
4. ตั้งชื่อ pixel ของคุณ

how-to-create-a-pixel-tiktok

2. How to Install a Pixel การติดตั้ง Pixel TikTok

ในขั้นตอนการติดตั้งคุณมีสองทางเลือกสำหรับ Pixel โดยคุณสามารถเลือกที่จะตั้งค่าด้วยตนเองผ่านแพลตฟอร์ม TikTok และปรับแต่งการตั้งค่าที่ภายในแอพนั้น หรือคุณสามารถติดตั้งพิกเซลของคุณโดยใช้ Google Tags Manager ก็ได้

 

การติดตั้งด้วยตัวเอง
1. เลือก“ ติดตั้งรหัสพิกเซลด้วยตนเอง” แล้วคลิก“ ถัดไป”
2. คัดลอกพิกเซลของคุณโดย โดยคุณยังสามารถดาวน์โหลดลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณได้โดยคลิกที่ลิงค์“ ดาวน์โหลดโค้ดพิกเซล”
3. วางโค้ดพิกเซลที่ด้านบนของส่วนหัวบนเว็บไซต์ของคุณ
4. ตรวจสอบว่าพิกเซลได้รับการติดตั้งอย่างถูกต้องหรือไม่ได้ฟรี โดยการปลั๊กอิน TikTok Pixel Helper

how-to-install-a-pixel-tiktok
การติดตั้งโดยใช้ Google Tags Manager
1. คุณต้องมีบัญชี Google Tag Manager
2. คุณต้องฝัง Google Tag Manager SDK ลงในหน้า Landing Page
3. เลือก “ ติดตั้งรหัสพิกเซลโดยเครื่องมือของบุคคลที่สาม” แล้วคลิก “ ถัดไป”
4. คลิก “เชื่อมต่อกับบัญชี Google” เพื่อเชื่อมต่อบัญชี Google Tag Manager ของคุณ
5. เลือกบัญชี Google Tag Manager คอนเทนเนอร์และพื้นที่ทำงาน (Google Tag Manager account, container, and workspace) จากนั้นคลิก “ ถัดไป”
6. เมื่อคุณเชื่อมต่อ Google Tag Manager สำเร็จแล้วให้ดาวน์โหลดและติดตั้ง TikTok Pixel Helper
 

Audience Creation
TikTok Ads มีตัวเลือกการกำหนดเป้าหมายที่หลากหลายเพื่อให้คุณระบุกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการได้ เพื่อให้โฆษณาของคุณแสดงขึ้นมา ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบของ Custom Audience หรือ Lookalike Audience

Custom Audience กลุ่มเป้าหมาย
คุณสามารถสร้างกลุ่มเป้าหมายของคุณเองตั้งแต่เริ่มต้นเพื่อให้เหมาะกับความต้องการของคุณ กลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเองอนุญาติให้คุณเริ่มด้วย 4 หมวดหมู่หลักเพื่อจัดเรียงกลุ่มเป้าหมาย ดังนี้
ก. โปรไฟล์ลูกค้า
ข. สถานะ
ค. กิจกรรม
ง. การเข้าชมเว็บไซต์

custom-audiences-tiktok
Lookalike Audience
เหมือนกับ customer audience โดย Lookalike Audience สามารถปรับแต่งได้ตามจุดได้ไม่กี่จุดอย่างไรก็ตาม Lookalike Audience สามารถช่วยคุณค้นหากลุ่มผู้ชมที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับกลุ่มลูกค้าปัจจุบัน เพื่อค้นหาผู้ชมที่สนใจผลิตภัณฑ์ของคุณและขยายกลุ่มผู้ชมของคุณ
Lookalike Audience มี 3 ช่วงเวลาเฉพาะที่ต้องระวัง เพื่อจะสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ได้อย่างเต็มศักยภาพ
1.Cold start: สามารถลดระยะเวลาในการสำรวจและช่วยให้อัลกอริทึมเรียนรู้ได้เร็วขึ้นว่าผู้ใช้กลุ่มใดจะสนใจโฆษณาของคุณและผลิตภัณฑ์ที่คุณโปรโมต สามารถช่วยให้คุณได้รับ Conversion เร็วขึ้น
2.Mature delivery phase: เมื่อเส้นการแสดง (delivery curve )โฆษณาของคุณอยู่ที่จุดสูงสุดและมีจำนวน Conversion ถึงจำนวนที่เหมาะสม สามารถใช้ Lookalike Audience เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายของคุณให้มากขึ้นและเพิ่ม ROI ของคุณให้สูงสุด
3.Decline phase: เมื่อกลุ่มโฆษณาของคุณถูกปฏิเสธคุณสามารถใช้ Lookalike Audience เพื่อยืดอายุการแสดงโฆษณา
 
lookalike-audiences-tiktok
 
การกำหนดเป้าหมายตามความสนใจ
ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียที่ทำให้แตกต่างจากช่องทางโฆษณาอื่น ๆ คือข้อมูลความสนใจที่รวบรวมเกี่ยวกับผู้ใช้แต่ละคน TikTok รู้ว่าพวกเขาดูอะไร คลิกอะไร แบรนด์ใดที่พวกเขาหยุดเลื่อน ผลิตภัณฑ์ประเภทใดที่ผู้ใช้สนใจ โดยอิงจากประวัติการเข้าชมที่ผ่านมาและอื่นๆ
ความสนใจ พิจารณาจากพฤติกรรมของผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาประเภทต่างๆ ประเภทเนื้อหาอาจรวมถึงวิดีโอโฆษณาบทความ ฯลฯ เมื่อการโต้ตอบของผู้ใช้กับหมวดหมู่บางหมวดหมู่มีมากโปรไฟล์ของพวกเขาจะเชื่อมโยงกับความสนใจที่เกี่ยวข้องกันไป
 

วิธีคิดเกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมายตามความสนใจ

1. ลักษณะสินค้า: คุณสามารถเลือกความสนใจตามลักษณะสินค้า ตัวอย่างเช่นหากคุณต้องการโปรโมต“ Maxi Dress” คุณสามารถเลือก“ Apparel & Accessories”
2. นี่คือความสนใจบางส่วนที่คุณสามารถกำหนดเป้าหมายได้บน TikTok การวัดผลลัพธ์

interest-targeting-tiktok

 
การวัดผลลัพธ์
ก. ผลลัพธ์ในช่วงต้น
กุญแจที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของพิกเซลของ Facebook คือในการขับเคลื่อนข้อมูลของพิกเซล คุณต้องสร้างข้อมูลนั้นจาก TikTok Advertising
ข. Pixel Maturation
หลังจากรวบรวมข้อมูลพิกเซลที่อิงตาม Conversion แล้วคุณจะสามารถสร้างทั้งCustom Audience หรือ Lookalike Audience สำหรับการกำหนดเป้าหมายใหม่
 

5. บริษัทอื่นๆ ที่โฆษณาบนtiktokอยู่แล้ว?

TikTok มีอุปสรรคสูงมากในการเข้ามาให้แบรนด์ขนาดเล็ก ด้วยรูปแบบของพวกเขาค่าใช้จ่ายในการโฆษณา บริษัทส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จใน TikTok จึงเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่สามารถจ่ายราคานี้ได้
เช่น

» Nike: สร้างการรับรู้กับกลุ่มเป้าหมายของ Gen Z และ Millenni ที่รักฟุตบอล
» Converse: Converse เปิดโอกาสให้แฟน ๆ ได้เรียนรู้ประดิษฐ์และเฉลิมฉลองเกมบาสเก็ตบอลโดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็ของ Converse
» KIA: มุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียลและส่งเสริม SUV-Seltos ขนาดกะทัดรัดที่เพิ่งเปิดตัวใหม่
» Balenciaga: สร้างการรับรู้กับผู้ชมใหม่ ๆ บน TikTok และเป็นแบรนด์หรูระดับไฮเอนด์รายแรกบน TikTok เพื่อทดสอบและใช้รูปแบบTopView
» eBay: ต้องการความช่วยเหลือในการโปรโมตแคมเปญล่าสุด – #StrongerAsOne สำหรับคนรุ่นใหม่

 

Influencer Marketing and How to grow your own following
เนื้อหาการตลาดสำหรับ Influencer (ผู้มีอิทธิพลทางความคิด) และวิธีการเพิ่มยอดติดตามของเรา
1. How to advertise using TikTok Influencers (วิธีการโฆษณาโดยใช้ Influencers ของ TikTok)

สิ่งที่ (creative) เนื้อหาสร้างสรรค์ ระดับ A+ ควรมี

1.1 Color and contrast การใช้สีและความโดดเด่น
เนื้อหาใน TikTok จะเน้นไปที่ความสดใส มีสีสัน ยิ่งเนื้อหาของเราสามารถสะท้อนสิ่งเหล่านี้ออกมาได้เท่าไหร่ ยิ่งดีเท่านั้น

1.2 TikTok Native การนำเสนอเนื้อหาควรเข้ากับบรรยากาศของ TikTok มีการใช้เสียงและเอฟเฟคที่ได้รับความนิยม หากไม่สามารถทำได้ การพูดถึงเนื้อหาของเราจะมีไม่มากเท่าที่ควร

1.3 Embed Emotion มีการฝังอารมณ์ความรู้สึกเอาไว้
รู้จักสร้างเรื่องราวให้เนื้อหา ยิ่งคนรู้สึกมีอารมณ์ร่วมกับมันมากเท่าไหร่ยิ่งดี

1.4 Current Trends ในเนื้อหาของเรา ควรมีการใส่กระแสนิยมที่มีอยู่ในTikTok ณ ช่วงเวลานั้นเข้าไปด้วย
หาจุดที่สามารถนำความคิดสร้างสรรค์ในเนื้อหาของเราเข้าไปผสมได้ เพื่อดึงดูดผู้ชม โดยเฉพาะผู้ชมใน Gen Z จะยิ่งให้ความสนใจกับกระแสนิยมเป็นอย่างมาก

1.5 Popular Culture ควรสอดแทรกวัฒนธรรมที่ได้รับความนิยมไว้ในแนวคิดที่จะใช้สร้างเนื้อหา

1.6 Post Comments ใช้ความคิดเห็นจากกลุ่มเป้าหมาย มาปรับเปลี่ยนแนวคิดและตัวสินค้า

1.7 Clear CTA ต้องมีการ Call to action ที่ชัดเจน ผ่านการใช้คำ เช่น “คลิกที่ Link ใน Bio ของเรา…”
เพื่อกระตุ้นให้คนที่สนใจในเนื้อหาแล้ว ไม่ปล่อยผ่าน แต่มากดติดตาม รับข้อมูลข่าวสารผ่านเนื้อหาของเราต่อไป

 

การทำงานร่วมกับ Influencer

1.หา Influencer ที่เข้ากับสินค้า เข้ากับเนื้อหาที่เราอยากจะนำเสนอ Influencer คนนั้น จะต้องมีความกระตือรือร้นในการใช้สินค้าจริงๆ เพราะคน Gen Z มองออกว่า Influencer คนไหนถูกจ้างมาแค่โปรโมท แต่ไม่ได้อยากใช้ตัวสินค้าจริง

2.ควรใช้ Influencer ที่มีอัตราการมีปฏิสัมพันธ์สูง หากฐานแฟนของ Influencer นั้นยิ่งแข็ง ความพิเศษของสินค้านั้นก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น

3.ปล่อยให้ Influencer ได้มีอิสระในการสร้างสรรค์เนื้อหา Brief งานหลวมๆ ไว้ เพื่อให้ Influencer ได้มีโอกาสใช้ความสามารถในการให้ความบันเทิงกับผู้ชมของตนเอง

กรณีศึกษา : Altr London
Social Campaign ที่ทาง Altr London จ่ายให้กับ TikTok

Max King Creative 1: https://streamable.com/oin4b

Lewis Leigh Creative 2: https://streamable.com/z1hapm

งานโฆษณาเหล่านี้ประสบความสำเร็จ เพราะ

»ทั้งสองงานใช้การตัดต่อด้วย snappy effects ซึ่งทำให้ผลงานมีความเป็น TikTok native
»งานที่ 1 มีการใช้เพลงประกอบที่กำลังเป็นกระแส มีส่วนร่วมไปกับวัฒนธรรมใน TikTok ขณะนั้น
»Influencer จากทั้งสองงานชอบสิ้นค้าตัวนั้นจริงๆ
»มีการใส่อารมณ์ความรู้สึกลงไปในงานจริงๆ โดยเฉพาะงานของ Max King

กรณีศึกษา Superfat Keto Cookies Campaign กับ Fanbytes

ค่าใช้จ่ายในการจัดแคมเปญ 13,000$ (ประมาณเกือบ 4 แสนบาท)

สิ่งที่ได้
» Influencer รายใหญ่และย่อย 8 ถึง 10 คน
» ได้ยอดคนดูแน่นอนอย่างน้อย 333k
» Influencer ทุกคน จะมี Link อยู่ใน Bio ของตัวเองเป็นเวลาอย่างน้อย 48 ชั่วโมง

ทาง SuperFat มอบสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง
»ให้ตัวอย่างสินค้ากับ Influencer ทุกคน
» คูปองลด 15% สำหรับ influencer ไปมอบให้กับผู้ติดตาม

ผลลัพธ์ (จาก 9 ใน 12 ของ Influencer ในแคมเปญนี้)
» คลิกรวม 4,699 ครั้ง
»คลิกแบบรายบุคคล 4,164 ครั้ง
» จำนวนการรับชม 648,368 ครั้ง
» จำนวนการใช้คูปอง 44 ครั้ง

ผลตอบแทนจากการลงทุน (Return on investment)
» จำนวนการใช้โค้ด 53 ครั้ง ได้รับยอดขาย 2,000$ (ประมาณ 6 หมื่นบาท) จากการออกเงิน 13,000$
» ผลตอบแทนจากการโฆษณา (ROAS) 0.15 แม้เป้าหมายแรกคือ 1 ทำให้ยอดดังกล่าวไม่ถึงเป้า
» คูปอง 25 จาก 44 ใบ มาจากผู้ติดตามของ Influencer เพียงคนเดียวที่มีผู้ติดตาม 155k คน (น้อยที่สุดในบรรดา Influencer ทั้งหมดในแคมเปญ)

 
2. How to grow a following on TikTok (วิธีการเพิ่มยอดติดตามใน TikTok)
กรณีศึกษา London Lazerson

ทำไมต้อง TikTok?

London Lazerson นักสร้างเนื้อหาออนไลน์ พยายามที่จะทำให้ผลงานของเขาเป็นที่รู้จักในช่องทาง Facebook และ Instagram
หลังผิดหวังกับผลลัพธ์ที่ไม่สู้ดีนัก เมื่อยอดผู้ติดตามสวนทางกับเนื้อหาที่เผยแพร่ไปในเวลา 100 วัน บน Instagram
London มีความเห็นว่า เพราะผู้ก่อตั้ง Instagram ได้จากบริษัทไป ทำให้ทาง Instagram หันไปสนับสนุนทางด้านเจ้าของธุรกิจ แทนการสนับสนุนผู้สร้างผลงานสร้างสรรค์

London หลังได้มาพบกับ TikTok กล่าวว่า เราสามารถสร้างยอดติดตามได้ด้วยวิดีโอเพียงวิดีโอเดียว
TikTok กำลังอยู่ในสภาวะการเติบโตที่รวดเร็ว และมีการเชิญชวนให้ผู้สร้างเนื้อหา ได้เข้ามาเผยแพร่ผลงานของตนเองเป็นจำนวนมาก

ในสถานการณ์ที่ Instagram มีการเติบโตที่ช้าลง และ Youtube เริ่มมีการเข้าถึงยากขึ้น
TikTok จึงเป็นช่องทางที่ดีที่สุด สำหรับผู้สร้างเนื้อหาหน้าใหม่ ในการสร้างกลุ่มผู้ติดตาม และชุมชนออนไลน์

 

สูตรการเพิ่มจำนวนผู้ติดตามให้ถึง 5 แสนคน

คุณ London ได้แนะนำวิธีการของเขา ในการสร้างยอดผู้ติดตาม 6 แสนคนในเวลาสั้นๆ
เผยแพร่วิดีโอ 3 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 3 เดือน
ค่อยๆ ดำเนินการปรับปรุงไปในแต่ละวิดีโอที่เผยแพร่ แล้วยอดผู้ติดตามใน TikTok จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

คุณ London ไม่ทำตามคำแนะนำจากการวิเคราะห์ของ TikTok
เป้าหมายของ TikTok คือการทำให้มีคนมากที่สุด มาเผยแพร่เนื้อหาของตนเองให้เยอะที่สุดในช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อให้เนื้อหาหลายๆ อย่างสามารถเป็นที่พูดถึงได้

TikTok ให้ข้อมูลที่มีความคลาดเคลื่อนเล็กน้อยกับคุณ London เพื่อให้เขาเผยแพร่เนื้อหามากขึ้น
ถ้าในวันนั้น TikTok บอกให้เขาเผยแพร่เนื้อหาตอน 15 นาฬิกา คุณ London จะเผยแพร่ตอน 7 นาฬิกา เพื่อให้เนื้อหาของเขาคงอยู่ในแพล็ตฟอร์มนั้นตลอดทั้งวัน
คุณ London ทดลองเผยแพร่ด้วยตนเองในช่วงเวลาดังกล่าวทั้งสอง และพบว่าเวลา 7 นาฬิกานั้น ให้ผลดีกว่าเวลา 15 นาฬิกาเสมอ

เคล็ดลับอีก 1 ข้อ คือการให้เผยแพร่งานที่ดังที่สุดอีกครั้ง 30 วัน หลังจากวันเผยแพร่ครั้งแรก

 

How to Monetize your Account (วิธีสร้างรายได้จากบัญชี TikTok)

 

เมื่อคุณ London มีผู้ติดตามถึง 1 แสนคน จึงเริ่มหาผู้จัดการ แต่ก็ถูกปฏิเสธจากหลายสำนัก จนสุดท้ายได้มาทำสัญญากับผู้จัดการที่เขาได้รับการแนะนำมา
เมื่อผู้ติดตามของเขาถึง 5 แสนคน จึงเริ่มมีลูกค้าเข้ามาเสนอสินค้า มีคำขอมาถึงเขาแทบทุกวัน

london-lazerson-tiktok
กรณีศึกษา Amie Balesky
เริ่มต้นที่ TikTok

คุณ Amie Balesky ทำงานทางด้านซอฟท์แวร์ ขณะที่สามีของเธอเป็นทหาร เธอเริ่มใช้ TikTok โดยไม่เคยใช้แพล็ตฟอร์มอื่นมาก่อน เธอเริ่มทำวิดีโอเพื่อความสนุก บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของเธอ
และคัดค้านการรังแกผู้อื่น

สิ่งที่เธอได้เรียนรู้เป็นอย่างแรก คือเรื่องการใช้วลีเด็ด หรือ catch phrase ด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
คุณ Amie มีวิธีการดึงความสนใจของผู้ชมโดยการใช้คำเช่น “มีเรื่องมาเล่าล่ะ ช่วยฟังหน่อยนะ”
วลีเด็ด ถูกใช้อย่างแพร่หลายใน TikTok และยังสามารถนำไปใช้ในแบรนด์ส่วนตัวของ Influencer แต่ละคนได้อีกด้วย

 

การสร้างยอดผู้ติดตามของเธอ

คุณ Amie เริ่มสร้างผลงานในเดือนธันวาคม ปี 2018 ในเวลา 2 เดือน ยอดผู้ติดตามของเธอมีถึง 15,000 คน
และเธอมียอดผู้ติดตามถึง 25,000 คน เมื่อเข้าสู่เดือนมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่งานของเธอเริ่มดัง
เธอเปลี่ยนเนื้อหา จากการเล่าเรื่องทั่วไป มาเป็นการเปิดเผยชีวิตประจำวันของเธอแทน

คุณ Amie ชอบทำอาหาร เธอได้ลองเข้าไปดูวิธีการตัดต่อแบบ Quick cuts เพื่อนำเสนอขั้นตอนการทำอาหารให้สนุกและสร้างสรรค์
เธอจะจับเอาส่วนผสมต่างๆ โยนลงไปในชาม เรียกส่วนผสมเช่นไข่ว่า “ไก่เหลว”
และเธอยังทำวิดีโอนอกสถานที่ เกี่ยวกับการที่เธอไปดูเบื้องหลังร้านอาหารและฟาร์ม

คุณ Amie บอกว่า คนที่ดูวิดีโอใน TikTok มักมาจาก Gen Z ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความเหงาและเครียดมากที่สุดตลอดกาล (คนเหล่านี้ใช้เวลาที่หน้าจอมาก และคุยกับคนอื่นน้อยลง)
มี Influencer ที่พวกเขาไม่เคยพบหน้าจริงๆ เป็นเพื่อน

เพื่อให้ผูกพันธ์กับผู้ติดตามได้ Influencer ไม่ควรทำตัวให้โทรมเกิน หรือสูงเกินจนเอื้อมไม่ถึง เพราะจะทำให้คนรู้สึกไม่มีอารมณ์ร่วม ความผูกพันธ์ เป็นสิ่งที่จะทำให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ที่มากขึ้น เพราะคนเรามักจะเลือกคบคนที่มีวิถีชีวิตใกลเคียงกับตัวเอง

คุณ Amie ยังยกตัวอย่างถึงคุณ Jeffrey Starr ว่าเป็น Influencer ที่มีแต่คนดูเพื่อความบันเทิงอย่างเท่านั้น แต่ไม่มีใครมีอารมณ์ร่วมไปกับเขา เพราะวิถีชีวิตของเขานั้นดูมีระดับเกินไป

 

การทำโฆษณาโดยไม่ขายตรง

สิ่งที่ Influencer ทุกคนทำได้ยากที่สุด นั่นคือการทำให้โฆษณาในผลงานของตัวเองดูกลมกลืน
การแยกสปอนเซอร์ที่จ้างโฆษณา ออกจากเนื้อหาในผลงานนั้นทำได้ง่ายมาก โดยเฉพาะบน Instagram ที่มีข้อตกลงกับผู้ใช้บริการ ให้แยกว่าอะไรบ้างที่เป็นโฆษณา โดยการใช้ hashtag และ geotag

คุณ Amie ได้รับคำขอจากหลายเจ้าของแบรนด์ ให้ทำการโฆษณาสินค้าในฐานะสปอนเซอร์
คุณ Amie อยากบอกให้เจ้าของแบรนด์ทราบ ว่าการโฆษณาสินค้าโดยไม่ใช้การขายตรงนั้นได้ผลดีที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้น Algorithm ของ TikTok จะจำกัดการเข้าถึงทันที หากมันเห็นว่าเนื้อหาบางอย่างเป็นโฆษณา
หากคุณ Amie ต้องการแจกคูปอง เธอจะเอารหัสไปใส่ไว้ในช่องความคิดเห็น แทนการพูดออกมาในวิดีโอ

 

ความถี่ในการเผยแพร่

จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของเธอ เวลา ณ ช่วงที่เผยแพร่ผลงานนั้นไม่สำคัญนัก แต่ควรเผยแพร่ 1 วิดีโอต่อวันเป็นอย่างน้อย
แม้การเผยแพร่ผลงานวันละครั้งจะเป็นเรื่องดี แต่โอกาสที่เราจะสามารถทำให้งานสักงานได้รับความนิยมจะน้อย
วิดีโอนั้นจะมีอายุนาน บางครั้งอาจเป็นสัปดาห์หลังการเผยแพร่ แหล่งข้อมูลจาก TikTok บอกว่า จะต้องใช้เวลา 90 วัน กว่าอะไรบางอย่างจะดังได้ การเผยแพร่วิดีโอวันละครั้ง จะทำให้โอกาสสร้างกระแสมีมากขึ้น

 

ใช้ TikTok โฆษณาธุรกิจรายอื่น

หากคุณมีธุรกิจหรือแบรนด์เป็นของตนเอง TikTok สามารถเป็นช่องทางโฆษณาได้
คุณ Amie ได้ช่วยทำให้ธุรกิจอย่าง “The Balesky Experience” ได้รับการจ้างงานเพิ่มขึ้นเป็นสี่เท่า ตลอดระยะเวลาที่บัญชี TikTok ของเธอเริ่มโด่งดังขึ้นมา

สนใจ ทำการตลาด TikTok สามารถติดต่อเราได้เลย

amie-balesky-tiktok
iPlan Digital
iPlan Digital
Articles: 70