แม้ว่าการเขียนคอนเทนต์ที่ได้คุณภาพและมีเนื้อหาน่าสนใจถือเป็นสิ่งสำคัญ แต่หากต้องการให้บทความของคุณติดอันดับการค้นหาในเว็บ Search Engine อย่าง Google ก็จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญด้าน SEO ด้วย และนี่คือเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณเป็นผู้ชำนาญการในด้านนี้
เคล็ดลับ ทำ SEO สู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอันดับบน google
- 26 mins
เคล็ดลับสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Search Engine Optimization
1.พัฒนาทักษะต่าง ๆ
งานด้าน SEO จำเป็นต้องมีทักษะ 2 อย่าง คือ การสรรค์สร้างคอนเทนต์ และการคิดวิเคราะห์ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO มักจะมีทักษะการเขียนอย่างสร้างสรรค์ในตัวกันอยู่แล้ว ในการปรับคอนเทนต์ให้ตอบโจทย์ทั้งคนอ่านและ Google สิ่งที่ต้องพัฒนาเพิ่มเติมจึงเป็นทักษะด้านเทคนิค ทั้งเรื่องการใช้คำคีย์เวิร์ดต่าง ๆ และวิเคราะห์คู่แข่งให้เป็น
2.เรียนหลักสูตรเฉพาะทาง
การเรียนหลักสูตรเพิ่มเติมและมีใบประกาศนียบัตรรับรองความรู้เฉพาะทางด้าน SEO จะช่วยเพิ่มโอกาสและความน่าเชื่อถือให้กับคุณได้มากขึ้น เพราะเป็นหลักฐานว่าคุณมีความรู้ด้านนี้อย่างถ่องแท้ โดยให้เลือกหลักสูตรที่ช่วยให้คุณมีทักษะที่จำเป็นต่อความก้าวหน้าในอาชีพ SEO ของคุณ หากคอร์สไหนเจาะลึกไม่พอ คอร์สนั้นอาจจะไม่เหมาะกับคุณ
3.เข้าใจการทำงานของเว็บ Search Engine
เป้าหมายสูงสุดของการทำ SEO คือเพิ่มการมองเห็นบทความของคุณบนเว็บ Search Engine เพราะไม่ว่าคอนเทนต์จะดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่ติดอันดับใน Google ก็จะไม่มีคนเห็นบทความของคุณอยู่ดี จึงต้องทำความเข้าใจการทำงานของ Search Engine เพื่อเพิ่มการมองเห็นให้มากขึ้น ด้วย ซึ่งหน้าที่หลัก ประกอบด้วย 3 อย่างนี้
- รวบรวม (Crawl) – ค้นหาและทำความเข้าใจคอนเทนต์
- จัดหมวดหมู่ (Index) – จัดเก็บและจัดระเบียบคอนเทนต์
- จัดอันดับ (Rank) – แสดงคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับคำค้นหามากที่สุด
4. รู้ว่า Search Engine สนใจอะไร
ถึงแม้ว่าเทคนิคหลังบ้านจะทำงานต่างกัน แต่อย่าลืมว่า Search Engine ล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือหาผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ค้นหา ซึ่งปัจจัยที่ทำให้คอนเทนต์ของคุณติดอันดับ ได้แก่
- Relevance – เกี่ยวข้องกับสิ่งที่คนต้องการค้นหา
- Authority – อำนาจในการเข้าถึงเว็บไซต์ขึ้นอยู่กับความนิยม
- Trust – เว็บไซต์ให้คำตอบที่ถูกต้อง และน่าเชื่อถือ
- Experience – มีประสบการณ์เชิงบวกต่อการเข้าชมคอนเทนต์
เมื่อเข้าใจภาพรวมที่ Search Engine สนใจ ก็จะทำให้เข้าใจปัจจัยในการจัดอันดับมากขึ้น และสามารถนำไปปรับแต่งกลยุทธ์ SEO ได้ตรงจุด
5.เข้าใจกลยุทธ์และลูกเล่นของ SEO ว่าสำคัญอย่างไร
กลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำ SEO ให้ดียิ่งขึ้น
- Technical SEO – แนวทางปฏิบัติที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางเทคนิคให้เว็บไซต์เมื่อใช้เครื่องมือค้นหา รวมถึงการแก้ไขแผนผังเว็บไซต์ และแก้ข้อผิดพลาดในการเชื่อมโยงข้อมูลที่พบจากการตรวจสอบเว็บไซต์ (Index, Crawl)
- Keyword Research – วิเคราะห์คีย์เวิร์ด เพื่อทำความเข้าใจว่าผู้เข้าชมต้องการจะค้นหาอะไร (Relevant, Search)
- On-Page SEO หรือ On-Site SEO – คือการปรับแต่งคอนเทนต์บนหน้าเว็บไซต์หรือเพจ เป็นส่วนที่ทำให้ผู้ค้นพบเจอข้อมูลที่มีประโยชน์ On-Page SEO จะเป็นตัวกำหนดให้ Search Engine รู้ว่าคอนเทนต์มีความเกี่ยวข้องกับคำค้นหรือไม่ (Relevance, Search)
- Link Building – Search Engine ใช้หลายปัจจัยในการจัดอันดับความนิยมของเว็บไซต์ หนึ่งในนั้นคือจำนวนการเข้าชม และคุณภาพของ Backlink ซึ่งคือลิงก์ที่เชื่อมโยงเนื้อหาจากเว็บไซต์อื่นมายังเว็บไซต์ของเรา (Authority, Trust)
- ปัจจัยการจัดอันดับอื่น ๆ – ดูง่ายเมื่อใช้งานผ่านมือถือ, ความเร็วในการเปิดหน้าเพจแต่ละหน้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีความสำคัญต่อการค้นหาด้วย (Experience)
6.อัพเดทข้อมูลอยู่เสมอ
เทคนิคด้าน SEO มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา หากใช้เทคนิคเดิม ๆ ก็อาจจะไม่ได้ผลใน Google อีกต่อไป จึงควรอัพเดทข้อมูลให้ทันสมัยอยู่เสมอ ทั้งการอ่านบทความเกี่ยวกับ SEO ติดตาม RSS Feed ที่เชื่อมข้อมูลไปยังบล็อกหรือเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อเก็บข้อมูล และนำประสบการณ์ที่ได้รับจากผู้อื่นมาต่อยอดการทำงานของตนเอง
7.ค้นหาเครื่องมือที่เหมาะกับตนเอง
แม้ว่ามีเครื่องมือในการทำ SEO อยู่มากมาย คุณก็ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่มีอยู่ทั้งหมด กับงาน SEO ของคุณ แต่ให้เลือกใช้เครื่องมือที่ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทีต้องการได้ จากนั้นให้ฝึกฝนการใช้เครื่องมือเหล่านั้นจนใช้ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
8. ทำความคุ้นเคยกับข้อมูลที่ได้มา
เมื่อเริ่มคลุกคลีกับเครื่องมือ SEO คุณจะเห็นว่ามีข้อมูลมากมายเต็มไปหมด ซึ่ง Data เหล่านี้จะเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าเราต้องปรับปรุงส่วนไหน อย่างไร และทำให้เห็นภาพรวมของกลยุทธ์ SEO ได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งตัวชี้วัดการทำ SEO ที่สำคัญ ได้แก่
- Positioning – ดูผลการจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณบน Search Engine (Search Engine Result Page)
- Impression – ดูจำนวนของผู้ที่เห็นเพจของคุณบน SERP
- Click – ดูว่ามีคนคลิกเข้าเว็บของคุณผ่าน SERP กี่ครั้ง
- CTR (Click Through Rate ) – ดูเปอร์เซ็นต์อัตราการคลิกต่อการมองเห็นของผู้ที่สนใจ
- Organic Session – จำนวนครั้งที่มีคนเห็นหน้าเพจบนเบราเซอร์โดยไม่ผ่านการซื้อโฆษณา
9.ทดสอบความรู้ด้าน SEO เป็นประจำ
SEO ก็เปรียบเหมือนการเล่นกีฬา เพียงแค่รู้กติกา รู้ว่าเล่นอย่างไร ก็ยังสู้การฝึกฝน และลงสนามจริงไม่ได้ จึงต้องมีการทดสอบความรู้ที่คุณมีอยู่เป็นประจำว่ายังใช้งานได้ผลหรือไม่ เพราะการทำ SEO มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นอกจากติดตามข่าว งานวิจัยใหม่ ๆ แล้ว ให้ลองตั้งสมมติฐานและทดสอบไอเดียใหม่ ๆ ของตนเองอยู่เสมอด้วย
10.ขยายเครือข่ายของคุณ
หากต้องการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO คุณจำเป็นต้องมีเครือข่ายคือคอนเนคชั่นในแวดวงคนทำ SEO ด้วยกันด้วย ซึ่งปัจจุบันมีกลุ่มมากมายในโซเชียลมีเดีย ทั้ง LinkedIn และ Facebook รวมถึงการเข้าร่วมสัมมานาประชุมต่าง ๆ ที่จะทำให้คุณเป็นที่รู้จักในวงสังคมมากขึ้น
นอกจากนี้ การดูคลิปวิดีโอในยูทูบที่สอนด้านเทคนิคต่าง ๆ เกี่ยวกับ SEO และเข้าไปมีส่วนร่วมกับคนอื่น ๆ ด้วยการฝากคอมเมนต์ไว้ในคลิปนั้น ๆ ก็สามารถสร้างสังคมและรับเทคนิคดี ๆ จากเพื่อนได้เช่นกัน