กลยุทธ์ทำการตลาดออนไลน์ในอุตสาหกรรมแฟชั่น

“บริษัทเสื้อผ้าแฟชั่น ของฟุ่มเฟือยบางแบรนด์ต้อง ‘ล้ม’ จากวิกฤตการณ์โควิด-19 ที่เผชิญอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งบริษัทที่จะอยู่รอดในธุรกิจได้ในอนาคต ส่วนใหญ่ย่อมขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเขาในการวิเคราะห์และทำตลาดออนไลน์”

นี่คือคำกล่าวของ Mckinsey บริษัทที่ปรึกษาทางธุรกิจอันดับท็อป ซึ่งนิยามโลกออนไลน์ว่าใข้ในการเพิ่มมูลค่าของแบรนด์ได้ ทั้งมุมมองด้านการเงิน เพราะถือว่าแบรนด์คือสินทรัพย์อย่างหนึ่ง และมุมมองด้านการตลาด ในการสร้าง Story ให้กับแบรนด์ตัวเอง ซึ่งการตลาดออนไลน์จะพลิกโฉมกระบวนการทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในรายงานปี 2018 ของบริษัท Boston Consulting Group วิเคราะห์แบรนด์ต่าง ๆ ที่ประสบความสำเร็จมากสุด ในแง่ของการทำกำไร และความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับผู้บริโภค พบว่า 3 สิ่งที่แบรนด์ทำแล้วดึงลูกค้าไว้ได้เหนียวแน่น ประกอบด้วย

• เทคนิคการกระจายและแบ่งสรรงบประมาณ >> จัดสรรงบประมาณให้สมดุลกันระหว่างการทำแคมเปญ กับวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (Product Life Cycle) ในแต่ละระยะ
• การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ >> เก็บข้อมูลในการซื้อขายครั้งก่อนของลูกค้า วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อแบ่งกลุ่มผู้เห็นโฆษณา และนำเสนอแคมเปญการตลาดให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย
• เชื่อมข้อมูลของลูกค้าในร้านค้าและร้านออนไลน์เข้าด้วยกัน >> ช่วยให้แบรนด์เก็บข้อมูลต่าง ๆ จากลูกค้า อาทิ การซื้อ การค้นหาสินค้า ทำให้เห็นมุมมองของลูกค้าและเทรนด์โดยรวม อีกทั้งยังนำข้อมูลมาใช้คาดการณ์สต๊อกสินค้า และทำให้ลูกค้าเห็นสินค้าแนะนำได้ตรงใจต่อการซื้อในอนาคตด้วย
•  

มุ่งเน้นการจำแนกผู้เห็นโฆษณาสินค้า ให้ลูกค้ารู้สึกว่าการซื้อของออนไลน์หรือหน้าร้านก็ไม่ต่างกัน แบรนด์แฟชั่นควรจะสื่อสารกับลูกค้าให้ได้ในทุกช่องทาง โดยนำประสบการณ์ของลูกค้าแต่ละคน ซึ่งรวมถึงตำแหน่งที่ตั้งของลูกค้า การท่องเว็บ และประวัติการซื้อ มาปรับแต่งให้เข้ากับโปรไฟล์ เพื่อจะได้แนะนำสินค้าได้ตรงใจผู้บริโภคอย่างแม่นยำ โดยจะโฟกัสไปที่ 3 วิธีนี้

• ส่งอีเมลส่วนบุคคลหากลุ่มเป้าหมาย
• ใช้ Landing Page ที่มีการโต้ตอบกับกลุ่มเป้าหมาย
• ยิงโฆษณาทางโซเชียลมีเดียให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย

การทำการตลาดออนไลน์ที่ได้ผลที่สุด คือการลงทุนพัฒนาคอนเทนต์ให้ได้คุณภาพ ซึ่งแบรนด์แฟชั่นจำเป็นต้องสร้างคอนเทนต์ที่ดี และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้ตรงจุด

ไม่ว่าเป็นคอนเทนต์จากโลกออนไลน์ ออฟไลน์ที่บริษัททำเอง ผู้ใช้งานจริง หรือจากการรีวิวของอินฟลูเอนเซอร์ โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์และเครื่องมือจัดการ Data จากหลายแพลตฟอร์ม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการทำคอนเทนต์ให้เป็นที่พูดถึงในกลุ่มเป้าหมาย

ที่สำคัญ แบรนด์จำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านการตลาดออนไลน์ อาทิ ผู้ที่มีความรู้ด้าน Data Science และผู้จัดการฝ่ายที่ดูแลคอนเทนต์โดยเฉพาะ ซึ่งการเฟ้นหาพนักงานที่มีทักษะเฉพาะทางจะส่งผลต่อการดึงผู้บริโภคกลุ่มใหม่ ๆ  นั่นคือกลุ่ม Generation Y และ Z ที่เติบโตมาพร้อมกับยุคดิจิทัล  พวกเขาจึงมีความต้องการไม่เหมือนกลุ่มวัยอื่น ๆ