Clinic Marketing (#15) (#18)

https://chat.foxbot.app/webchat/?p=1116283&id=RA4oWc5dayKYU8B9
Video Marketing Form V2

โปรดกรอกฟอร์ม ทางเราจะติดต่อกลับภายใน 24 ชม.

หลังจาก กดส่งฟอร์มแล้ว รบกวนเช็คที่อีเมล Inbox หรือ Junk Mail ทางระบบเราจะมีส่งข้อมูลเพิ่มเติม และตอบกลับให้ทางเมล ภายใน 5 นาที

วิธีการทำ Landing page ให้ขายดี มี 7 กลยุทธ์ด้วยกัน

high-converting-landing-pages
 

Landing page

 

ก่อนจะทำให้หน้า Landing pageในเว็บไซต์ของคุณโดนใจลูกค้า และนำไปสู่การเพิ่มค่า Conversion ด้วยการที่กลุ่มเป้าหมายเปลี่ยนมาเป็นลูกค้าของคุณนั้น เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Conversion Rate กันก่อน

จากงานวิจัยของ WordStream ชี้ให้เห็นว่า Conversion Rateจะแตกต่างกันไปตามประเภทของกลุ่มสินค้าและการบริการในธุรกิจนั้น ๆ ซึ่งค่าเฉลี่ยในการทำโฆษณา Adwordsจะอยู่ระหว่าง 2-5% แต่ไม่ได้หมายความว่าเราควรยึดตามค่าเฉลี่ยดังกล่าว เพราะมีธุรกิจอีกมากมายที่สามารถทำค่า Conversion Rateได้สูงกว่านี้

โดยผลการศึกษาของ  WordStream ที่ทำไว้เมื่อปี 2014 พบว่านักโฆษณาตัวฉกาจสามารถเพิ่มค่า Conversion Rate ได้สูงถึง 10% หรือมากกว่านั้น และนี่คือเป้าหมายที่คุณก็สามารถทำได้กับหน้า Landing page ของคุณด้วยกลยุทธ์เหล่านี้

 

high-converting-landing-pages

 

1. จูงใจด้วยข้อเสนอสุดคุ้ม

 
high-converting-landing-pages
 

จากตัวอย่างจะเห็นว่าเว็บไซต์ Vitacost ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม โดยยื่นข้อเสนอที่สามารถช่วยปิดดีลได้ทันที ด้วยการสร้างแรงจูงใจกระตุ้นให้ลูกค้าหน้าใหม่ตัดสินใจแบบไม่ลังเล เมื่อเข้าเว็บไซต์มาได้ 5 วินาที ก็มีข้อความป็อปอัพเด้งบนหน้าจอ เพื่อเสนอส่วนลด 10 % ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ไม่มีคู่แข่งเจ้าอื่นในตลาดเสนอได้ 

นอกจากนั้น หน้าเว็บไซต์ก็ยังดูสบายตา จัดวางองค์ประกอบได้ดี  และมีข้อความที่ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ที่คุ้มค่าอย่างชัดเจนว่า “เซฟเงินได้มากถึง 37% สำหรับสินค้ากลุ่มอาหารออร์แกนิก” รวมถึงตอกย้ำจุดขายผลิตภัณฑ์ที่เฉพาะเจาะจง และมีรายละเอียดที่ทำให้น่าเชื่อถือมากขึ้น และสิ่งสำคัญที่สุด คือข้อเสนอหลักที่เสนอให้ลูกค้านั้นสามารถใช้ได้ทันที 

 

2. จำกัดตัวเลือก

 
high-converting-landing-pages
 

บ่อยครั้งที่ธุรกิจซอฟท์แวร์มักจะมีตัวเลือกข้อเสนอหลากหลาย แต่สำหรับ Wrike กลับจำกัดข้อเสนอให้มีเพียงตัวเลือกเดียว ในราคา 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน โดยเรียกเก็บเงินแบบรายปี และมีแผนให้ใช้บริการฟรีเพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองด้วย ขณะที่หน้าเว็บถูกออกแบบให้มีข้อความไม่มากนัก แต่ออกแบบข้อเสนอได้ชัดเจนและตรงจุด 

โดยกรณีนี้อาจจะต่างไปจากแนวทางที่แนะนำกันสำหรับการเก็บข้อมูลลูกค้าเป้าหมาย (Lead Gen) อยู่บ้าง แต่หน้า Landing Page ของ Wrike ถือว่าโดดเด่น จากการใช้ภาพขยาดใหญ่ดึงดูดสายตา และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ผลิตภัณฑ์โดยอ้างถึง Gartner บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาด้านไอทีชั้นนำของโลก (มุมขวาบน) รวมถึงมีรายชื่อลูกค้าระดับบิ๊กเนมมาใช้บริการผลิตภัณฑ์โดยวางตำแหน่งไว้ด้านล่างของหน้าเว็บไซต์ ซึ่งทั้งสองแนวทางนี้คือแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการจัดการหน้า Landing Page

 

3. ส่วนให้บริการลูกค้าไม่กวนตา

 
high-converting-landing-pages
high-converting-landing-pages
 

การให้บริการ Live Chat ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ในกรณีของ American Eagle เลือกที่จะเสนอบริการนี้ในรูปแบบที่กวนใจลูกค้าน้อยกว่าแบรนด์อื่นๆ เพราะไม่มีอะไรที่สร้างความน่ารำคาญใจให้ลูกค้าได้มากไปกว่าข้อความ Pop – up ที่ค้างอยู่บนหน้าจอราวกับพนักงานขายของจอมตื้อ

โดย American Eagle เลือกที่จะโชว์ Pop – up สำหรับการ Live Chat เมื่อมีการค้นหาสินค้า เช่น  ค้นหาคำว่า “กางเกงขาสั้นผู้ชาย” จะพบว่ามีกล่อง Live Chat  อยู่ที่มีมุมขวาล่าง พร้อมให้บริการลูกค้าทันที ซึ่งการที่ต้องกรอกอีเมลไว้ด้วย ก็ช่วยให้แบรนด์สามารถเก็บข้อมูลลูกค้าได้นั่นเอง นอกจากนี้ American Eagle ก็ยังเลือกใช้ภาพโปรโมตด้านบนหน้าเว็บที่สวยงามเน้นมุมมองแนวกว้างด้วย ซึ่งถือเป็นการออกแบบหน้า Landing Pageที่ได้ผลดีอีกวิธีหนึ่ง

 

4. ให้ทดลองใช้สินค้าและบริการ

 
high-converting-landing-pages
 
 

กรณีหน้า Landing pageของ Webex ผู้ให้บริการซอฟท์แวร์สำหรับเว็บสัมมนาออนไลน์เลือกใช้วิธีเรียกความสนใจลูกค้าด้วยการให้ทดลองใช้งานสินค้าจริงแบบTest Drive นั่นเอง โดยยื่นข้อเสนอให้ สามารถเลือกสมัครแบบบุคคลหรือกลุ่มเพื่อศึกษาผลิตภัณฑ์ ก่อนตัดสินใจสั่งซื้อ ซึ่งทำให้ผู้ที่สนใจจะซื้อ ได้เห็นภาพว่าพวกเขาจะนำซอฟต์แวร์ไปใช้งานได้อย่างไรบ้าง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้สามารถปิดการขายได้ แม้ว่าแบบฟอร์มของเว็บไซต์ที่ให้กรอกจะค่อนข้างยาวไปสักหน่อยก็ตาม

นอกจากนี้ Webex ยังสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผลิตภัณฑ์  โดยแสดงจำนวนการสัมมนาผ่านเว็บสัมมนาออนไลน์ที่บริษัทจัดจากเดือนที่ผ่านมาด้วย 

 

5. โชว์ยอดสั่งซื้อแบบเรียลไทม์

 
high-converting-landing-pages
 

Timberwolf Bay บริษัทเฟอร์นิเจอร์วินเทจ ใช้รูปแบบคล้ายกับ Webex ด้วยการอัพเดตโพสต์คำสั่งซื้อบนหน้าเว็บไซต์แบบเรียลไทม์ ซึ่งทำให้เห็นว่าลูกค้าอยู่ที่ไหน และสั่งซื้อสินค้าอะไร

วิธีการนี้จะช่วยสร้างมั่นใจและน่าเชื่อถือให้กับบริษัทได้ เพราะทำให้ลูกค้าได้เห็นว่ามีคนอื่นกำลังซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ และการที่เห็นคำสั่งซื้อ Pop – up เรื่อยๆ ก็ดูเพลินด้วยเหมือนกัน

ส่วนตัวอย่างด้านล่างเป็นกลยุทธ์ที่คล้ายคลึงกันจากร้าน Zingerman ซึ่งเป็นตลาดขายอาหารยอดนิยมแห่งหนึ่งในรัฐมิชิแกน เพียงแต่ย้ายมาใส่ไว้ด้านล่างของเว็บไซต์

 

high converting landing pages I 4 วิธีการทำ Landing page ให้ขายดี มี 7 กลยุทธ์ด้วยกัน

 

6. ยิ่งเหลือน้อย ยิ่งใกล้หมดเวลา ยิ่งต้องรีบซื้อ

 
high-converting-landing-pages
 

เป็นอีกครั้งที่ Timberwolf Bay ทำได้ดี ด้วยการกระตุ้นให้ลูกค้ารู้สึกอยากได้สินค้า โดยสร้างความรู้สึกว่าสินค้ากำลังจะหมดสต๊อก หรือขายหมดเกลี้ยงแล้ว  หากคุณมองหาสินค้ากลุ่ม Automobiles ก็จะได้เห็นหน้าสต็อกสินค้าปัจจุบัน ซึ่งจากรูป ถ้าคุณกำลังอยากได้รถ BB Korn Race Car  ก็ต้องรีบหน่อย เพราะ มีสต็อกเหลืออยู่ไม่มากแล้ว

การแจ้งจำนวนสินค้าในสต็อกแบบเรียลไทม์ สามารถกระตุ้นให้ผู้คนอยากซื้อสินค้าทันทีได้ และการทำให้ลูกค้าได้เห็นสินค้าว่าถูกจำหน่ายหมดไปแล้ว เป็นการบอกเป็นนัย ๆ ว่า บริษัทของคุณระบายสินค้าได้จำนวนมาก และผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์จะต้องรับตัดสินใจเพราะสินค้ากำลังจะหมดแล้ว ซึ่งความรู้สึกขาดแคลนจะไปกระตุ้นให้คนซื้อสินค้าเพราะไม่ชอบความรู้สึกที่ตัตนเองกำลังจะพลาดอะไรบางอย่างไป

การใช้กลยุทธ์นี้ควรคำนึงถึงความเร่งด่วนด้วย เมื่อเรารู้ว่าการลดราคากำลังจะสิ้นสุดลง เราจะยิ่งรู้สึกว่าน่าจะซื้อไว้ดีกว่ารอต่อไป ซึ่งตัวอย่างด้านล่าง แบรนด์ Glit ใช้วิธีการนี้ได้ดีด้วยการเคาต์ดาวน์เวลาให้รู้ว่าช่วงลดราคาจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า จึงต้องรีบตัดสินใจให้เร็วขึ้น

 

high-converting-landing-pages
 

7. ทำให้เห็นคุณค่าในตัวสินค้า

 
high-converting-landing-pages

ทุกคนล้วนชอบข้อเสนอดีๆ กันทั้งนั้น ซึ่งเว็บ Eastbay ตอบโจทย์นี้ได้ดีด้วยการเน้นให้เห็นว่ามีการหั่นราคารองเท้า Kobe shoes  พร้อมเสนอราคาใหม่ที่ถูกลง ในทางกลับกัน ถ้า Eastbay ทำเพียงแปะป้ายแจ้งราคาใหม่ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ก็คงไม่มีใครสังเกตหรือให้ความสนใจสินค้านี้ 

แต่ด้วยวิธีการนี้ของ Eastbay จะทำให้ลูกค้าคิดว่ามีข้อเสนอดี ๆ ที่ต้องรีบคว้าไว้ หรืออย่างน้อยก็อาจจะบเก็บหน้าเว็บนี้ไว้เพื่อกลับมาซื้อหลังจากทำการเปรียบเทียบกับเจ้าอื่นแล้ว และ Eastbay ก็ยังย้ำเรื่องบริการจัดส่งฟรีให้เห็นอย่างชัดเจนบริเวณส่วนบนของเว็บด้วย  จึงยิ่งเพิ่มแรงจูงใจให้ผู้เยี่ยมชมตัดสินใจซื้อสินค้าจากหน้า Landing Pageมากขึ้น

ที่มา: wordstream

iPlan Digital
iPlan Digital
Articles: 70