6 เคล็ดลับ วิธีทำ Community Marketing ให้ประสบความสำเร็จและเติบโต
หากการสร้าง Community หรือชุมชนเปรียบได้กับการเดินทาง การตลาดแบบ Community Marketing ก็เปรียบได้กับการวางแผนเส้นทางที่ช่วยให้เดินทางได้ราบรื่นนั่นเอง ถ้าอยากเดินทางได้ไกลยิ่งขึ้น การให้ความใส่ใจและความสม่ำเสมอก็เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญไม่แพ้กัน และถ้าอยากทำการตลาดให้ประสบความสำเร็จ และเติบโตอย่างรวดเร็ว ก็ไม่ควรมองข้าม 6 เคล็ดลับที่เรานำมาฝากกันในวันนี้
1. สร้างพื้นที่ที่เชื่อถือได้
การสร้าง Community ขึ้นมาเพื่อเป็นพื้นที่สำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ให้สมาชิกได้แบ่งปันความรู้ ได้แชร์ประสบการณ์ที่มีต่อแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของคุณ ซึ่งพื้นที่ตรงนี้เป็นทำเลทองสำหรับการได้ลูกค้าใหม่ ๆ จากการแนะนำของสมาชิก เป็นการตลาดแบบปากต่อปากที่ได้ประสิทธิภาพสูง ยืนยันได้จากผลสำรวจที่พบว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคจะให้ความไว้วางใจและเชื่อถือแบรนด์มากขึ้นถ้าได้รับคำแนะนำมาจากเพื่อนหรือคนรู้จัก
การสร้าง Community ในช่วงแรก จึงควรเน้นที่การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในกลุ่มให้มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกันในหัวข้อต่าง ๆ และทำให้สมาชิกมีความรู้สึกว่าตนเองเป็นเจ้าของ Community ร่วมกัน ซึ่งการได้มีส่วนร่วมในกลุ่มที่มีความแข็งแกร่ง จะกระตุ้นให้สมาชิกเข้ามาเช็กอินในกลุ่มอย่างสม่ำเสมอ และมีความภักดีต่อแบรนด์มากขึ้น
2. มีผู้เชี่ยวชาญมาร่วมแบ่งปันความรู้
สิ่งที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับ Community ของคุณ และทำให้สมาชิกอยากเข้ามามีส่วนร่วมด้วย คือการมีผู้เชี่ยวชาญมาร่วมแบ่งปันความรู้ในกลุ่ม ซึ่งทำได้ง่าย ๆ ด้วยการเชิญนักพูดที่มีชื่อเสียงและมีความเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของคุณ มาร่วมให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสมาชิกของกลุ่มในงานอีเวนต์ที่จัดขึ้น สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญในวงการเพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ หรือให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาแสดงความคิดเห็นใน Community เพื่อมีส่วนร่วมกับสมาชิกอย่างสม่ำเสมอ
ขณะเดียวกัน ทางแบรนด์เองก็สามารถให้ผู้จัดการฝ่ายผลิตมาให้ข้อมูลแบบวงใน เพื่อให้สมาชิกได้ใช้ผลิตภัณฑ์อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด หรือทำข้อมูลเป็นซีรีส์เกี่ยวกับเทรนด์ และทิศทางของแบรนด์ในอนาคตก็ได้เช่นกัน โดยเป็นข้อมูลที่จัดสรรให้เฉพาะสมาชิกที่อยู่ใน Community เท่านั้น เพื่อสร้างความรู้สึกว่าถ้าไม่ได้เข้าร่วมในกลุ่มแล้วจะพลาดโอกาสได้รับข้อมูลดี ๆ ไป ซึ่งเป็นการทำการตลาดให้แบรนด์และผลิตภัณฑ์อีกทางหนึ่ง
3. จัดอีเวนต์ หรือมีส่วนร่วมกับงานอีเวนต์
อีเวนต์นอกสถานที่เป็นกิจกรรมที่สร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับสมาชิกใน Community ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่ทำให้สมาชิกได้มาพบปะกันแบบเห็นหน้า ขณะที่อีเวนต์ออนไลน์ก็เป็นกิจกรรมที่ทำให้สมาชิกได้มีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันในช่วงระยะเวลาหนึ่ง และได้แชร์ประสบการณ์ร่วมกัน โดยแบรนด์อาจเป็นเจ้าภาพอีเวนต์เอง หรือจับมือกับพาร์ตเนอร์เพื่อจัดอีเวนต์ดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นสมาชิกก็ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม งานอีเวนต์หรือกิจกรรมต่าง ๆ ค่อนข้างใช้งบประมาณสูง จึงควรศึกษาหรือทำการบ้านเสียก่อนว่าอีเวนต์แบบใดจะทำให้สมาชิกใน Community อยากเข้าร่วมกิจกรรมด้วย ซึ่งทำได้โดยการสอบถามความคิดเห็นจากสมาชิกว่าชอบกิจกรรมแบบใด เพื่อจัดอีเวนต์ให้ตรงกับความต้องการได้มากที่สุด
4. ใช้ Community เพื่อปรับธุรกิจให้ตอบโจทย์ลูกค้า
ยิ่งสมาชิกได้รับประโยชน์จากการใช้ผลิตภัณฑ์ของคุณมากเท่าไร ก็ยิ่งมีแนวโน้มที่พวกเขาจะใช้แบรนด์ของคุณต่อไป และแนะนำให้คนอื่นมาใช้ผลิตภัณฑ์ของคุณมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งการถามความคิดเห็นจากสมาชิกใน Community จะช่วยให้แบรนด์หรือธุรกิจของคุณ นำไปใช้ออกแบบสินค้าหรือบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้ และยังสร้างความประทับใจให้ลูกค้ารู้สึกรักหรือมีความภักดีต่อแบรนด์ด้วย
การที่ทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์สามารถสื่อสารกับสมาชิกได้โดยตรงผ่าน Community จึงช่วยให้ทีมงานของคุณเข้าใจลูกค้ามากขึ้นว่าคิดเห็นต่อผลิตภัณฑ์อย่างไร ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกเพื่อนำไปปรับปรุงสินค้าและบริการในอนาคต ขณะที่ฝ่าย Customer Support ก็สามารถตรวจสอบได้ว่าลูกค้ามีปัญหาใดบ้างในการใช้ผลิตภัณฑ์จากคำถามที่สมาชิกโพสต์ถามบ่อย ๆ ใน Community เพื่อนำไปปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการเข้าถึง Community ของลูกค้าได้โดยตรงช่วยให้แบรนด์ลดค่าใช้จ่ายในการวิจัยตลาดลงได้ด้วย เนื่องจากสมาชิกใน Community ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายพร้อมจะให้ข้อเสนอแนะ และคำติชมอยู่แล้ว
5. หากลุ่ม Community ที่เฉพาะเจาะจง
การตลาดในปัจจุบันให้ความสำคัญกับ Niche Market หรือตลาดเฉพาะกลุ่มมากขึ้น จากที่แต่ก่อนจะมุ่งเน้นทำแคมเปญการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำนวนมาก ๆ ซึ่งการสร้างหรือหากลุ่ม Community ที่เป็นกลุ่มคนที่มีความสนใจเฉพาะเจาะจงในเรื่องเดียวกัน จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์ได้ และยังสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ การมีกลุ่ม Community ที่เฉพาะเจาะจงยังส่งผลดีในแง่ฟีดแบ็กจากกลุ่มเป้าหมายด้วย เพราะหากมีบางสิ่งไม่โดนใจกลุ่มสมาชิก การพูดคุยก็จะจำกัดอยู่ในวงแคบ ๆ เฉพาะกลุ่ม Community โดยไม่ได้พูดหรือวิจารณ์ออกไปในวงกว้างที่อาจส่งผลเสียต่อแบรนด์ได้
6. เพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้
หากต้องการให้แบรนด์หรือธุรกิจเติบโตต้องทำให้ Community สามารถเพิ่มคุณค่าให้กับธุรกิจของคุณ และสามารถสร้างรายได้ในอนาคตได้ด้วย ซึ่งมูลค่าทางธุรกิจจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ Community มีความสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจของคุณ จึงจะเพิ่มโอกาสการขายที่มากขึ้น เพิ่มการเติบโตจากการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของสมาชิก และนำไปสู่การสร้างรายได้ต่อไป
โดยการสร้างรายได้มีหลายรูปแบบ ตั้งแต่การรับสมัครสมาชิกที่มีตัวเลือกให้สมาชิกจ่ายเงินเพื่อโอกาสในการรับสิทธิพิเศษมากขึ้น, การกระตุ้นให้สมาชิกใน Community กดลิงก์เพื่อเข้าไปซื้อสินค้าหรือบริการของคุณจากเว็บไซต์ รวมไปถึงการหาสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุน หรือซื้อโฆษณาเพื่อเผยแพร่ใน Community ของคุณ ซึ่งทั้งหมดนี้คือเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จและเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
ที่มา : zapnito.com
บทความที่เกี่ยวข้อง: การทำ Community Marketing เทรนด์การตลาดยุคดิจิทัล ดีอย่างไร?