7 กลยุทธ์การตลาด มัดใจ Gen Z พิชิตยอดขาย
Gen Z หรือกลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี 1997-2012 คือกลุ่มเป้าหมายใหม่ ที่มีความสำคัญในวงการตลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความที่พวกเขาเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีดิจิทัล Gen Z จึงมีพฤติกรรมและความต้องการที่แตกต่างจากกลุ่มคนอื่น ๆ นักการตลาดที่ต้องการพิชิตใจกลุ่มนี้ ต้องใช้กลยุทธ์เฉพาะที่เข้าถึงและตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาได้อย่างแท้จริง มาดูกันว่า 7 กลยุทธ์การตลาดที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณพิชิตยอดขายจาก Gen Z ได้อย่างอยู่หมัด มีอะไรบ้าง
ลักษณะเฉพาะของ Gen Z
คน Gen Z ปัจจุบันอยู่ในช่วงอายุประมาณ 12-27 ปี ซึ่งเป็นวัยที่กำลังเติบโตเข้าสู่วัยทำงาน บางคนเริ่มมีรายได้ และมีอิทธิพลในการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการมากขึ้น กลุ่มนี้เป็นเจเนอเรชันแรกที่เติบโตขึ้นมาพร้อมกับเทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้พวกเขามีลักษณะเฉพาะและพฤติกรรมที่แตกต่างจากเจเนอเรชันก่อนหน้า
1. ดิจิทัลเนทีฟ
Gen Z เป็นกลุ่มคนที่เติบโตมากับอินเทอร์เน็ต สมาร์ทโฟน และโซเชียลมีเดีย พวกเขาใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ในชีวิตประจำวัน เช่น การค้นหาข้อมูล การเชื่อมต่อกับคนอื่น ๆ การซื้อสินค้าออนไลน์ ฯลฯ
2. รักความเป็นตัวเอง
Gen Z ให้ความสำคัญกับความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และแสวงหาการแสดงออกถึงความเป็นตัวเอง พวกเขาชอบแบรนด์ ที่ให้ความรู้สึกว่าแบรนด์สามารถสะท้อนความเป็นตัวเองได้
3. สนใจปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม
คนในกลุ่มนี้มักมีความตระหนักถึงปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม พวกเขาชื่นชอบแบรนด์ที่มีการสนับสนุนหรือแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การสนับสนุนสิทธิมนุษยชน
4. ชอบการโต้ตอบและการมีส่วนร่วม
Gen Z ชอบแบรนด์ที่สามารถสร้างประสบการณ์ ที่พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมได้ เช่น การร่วมกิจกรรมออนไลน์ การโต้ตอบผ่านคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดีย หรือการเล่นเกม
5. บริโภคข้อมูลเร็ว
ด้วยการเติบโตมากับเทคโนโลยีดิจิทัล Gen Z มักจะมีช่วงเวลาที่สั้น ในการให้ความสนใจกับคอนเทนต์ แบรนด์ต้องสร้างคอนเทนต์ที่ดึงดูดความสนใจในเวลาอันสั้น และต้องสื่อสารได้อย่างชัดเจน
กลยุทธ์การตลาดสำหรับ Gen Z
นักการตลาดรู้ดีว่าการตลาดสำหรับ Gen Z ถือเป็นความท้าทายอย่างมากที่จะมัดใจกลุ่มคน Gen Z และนี่คือ 7 กลยุทธ์ที่ได้ผลในการทำการตลาดกับคนวัยนี้
1. สร้างคอนเทนต์ที่จริงใจและโปร่งใส
หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุด สำหรับการตลาดสำหรับ Gen Z คือความจริงใจและโปร่งใส Gen Z ให้ความสำคัญกับการเห็นเบื้องหลังของแบรนด์ พวกเขาต้องการรู้ว่าแบรนด์มีความจริงใจแค่ไหน ซึ่งสามารถสร้างได้ผ่านการเล่าเรื่องราวที่ซื่อสัตย์ แสดงให้เห็นถึงกระบวนการผลิตหรือการดำเนินงานของธุรกิจ การแสดงให้เห็นว่าแบรนด์มีความตั้งใจในการทำสิ่งที่ถูกต้อง จะทำให้ Gen Z รู้สึกเชื่อมั่นและไว้วางใจแบรนด์มากขึ้น ตัวอย่างเช่น แบรนด์ Patagonia ที่เน้นการโปร่งใสในการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้ Gen Z ที่ห่วงใยโลกให้ความสนใจและสนับสนุน
2. ใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เหมาะสม
โซเชียลมีเดีย เป็นช่องทางหลักที่ Gen Z ใช้ในการค้นหาและเชื่อมต่อกับแบรนด์ การตลาดสำหรับ Gen Z ควรเน้นไปที่แพลตฟอร์มที่พวกเขาใช้มากที่สุด เช่น TikTok, Instagram การสร้างคอนเทนต์ที่เข้ากับลักษณะเฉพาะของแต่ละแพลตฟอร์ม เช่น วิดีโอสั้นที่สนุกสนานบน TikTok หรือการแชร์ภาพที่มีความสร้างสรรค์บน Instagram จะช่วยดึงดูดความสนใจของ Gen Z และทำให้พวกเขาเชื่อมต่อกับแบรนด์ได้ง่ายขึ้น
3. สร้างการมีส่วนร่วม
Gen Z ชอบประสบการณ์ที่ทำให้พวกเขามีส่วนร่วม เช่น การเล่นเกม การโต้ตอบผ่านคอนเทนต์ หรือการใช้เทคโนโลยี AR/VR ในการทำการตลาด ตัวอย่างเช่น แบรนด์ IKEA ที่ใช้ AR เพื่อให้ลูกค้าสามารถลองวางเฟอร์นิเจอร์ในห้องของตัวเองผ่านแอปได้ ทำให้การเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์เป็นเรื่องสนุก และตอบโจทย์การใช้งานจริง นี่คือกลยุทธ์การตลาดที่ทำให้ Gen Z รู้สึกมีส่วนร่วม และมีประสบการณ์ที่น่าจดจำกับแบรนด์
4. ให้ความสำคัญกับ Influencer Marketing
Gen Z ให้ความสำคัญกับคำแนะนำจาก Influencer ที่พวกเขาชื่นชอบและติดตาม ดังนั้นการใช้ Influencer ในการโปรโมทสินค้า เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ แบรนด์ควรเลือก Influencer ที่มีความเชื่อมโยงกับสินค้าและมีความเข้ากับแบรนด์ ซึ่งการเลือกใช้ Micro-Influencer ที่มีฐานผู้ติดตามขนาดเล็ก แต่มีความน่าเชื่อถือสูง อาจเป็นวิธีที่ดีกว่าการใช้ Influencer ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก แต่มีความสัมพันธ์ที่ห่างไกลกับแบรนด์
5. สนับสนุนการเคลื่อนไหวทางสังคมและสิ่งแวดล้อม
Gen Z เป็นกลุ่มที่มีความตระหนักถึงปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมสูง พวกเขาชื่นชอบแบรนด์ที่มีการสนับสนุนการเคลื่อนไหวทางสังคม และมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม การสร้างแคมเปญที่เน้นการสนับสนุนเรื่องที่พวกเขาสนใจ เช่น การลดการใช้พลาสติก การสนับสนุนสิทธิมนุษยชน หรือการช่วยเหลือชุมชน จะช่วยสร้างความประทับใจและดึงดูดความสนใจจาก Gen Z ตัวอย่างเช่น แบรนด์ Nike ที่สนับสนุนการเคลื่อนไหว Black Lives Matter ทำให้ได้รับความสนใจและความเคารพจากกลุ่มเป้าหมาย
6. ใช้ Data Analytics เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมของ Gen Z
การใช้ Data Analytics ช่วยให้แบรนด์เข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของ Gen Z มากขึ้น การวิเคราะห์ข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย การซื้อสินค้าออนไลน์ หรือการใช้แอปพลิเคชันต่าง ๆ สามารถช่วยให้แบรนด์สร้างกลยุทธ์ ที่ตรงกับความต้องการของ Gen Z ได้ดียิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น Spotify ที่ใช้ข้อมูลการฟังเพลงของผู้ใช้มาสร้าง Personalized Playlist ทำให้ Gen Z รู้สึกว่าแบรนด์เข้าใจและตอบโจทย์ความต้องการ ของพวกเขาได้อย่างดีเยี่ยม
7. สร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์
การสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ ต่อการใช้ชีวิตของ Gen Z จะช่วยให้แบรนด์กลายเป็นแหล่งข้อมูลที่พวกเขาไว้วางใจ คอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ปัญหาหรือความสนใจเฉพาะ เช่น เคล็ดลับในการเรียนรู้หรือการพัฒนาทักษะส่วนตัว จะทำให้ Gen Z มองว่าแบรนด์มีความรู้และมีคุณค่าในการติดตาม ตัวอย่างเช่น แบรนด์ Duolingo ที่สร้างคอนเทนต์สอนภาษาผ่านแอปพลิเคชัน ที่ทั้งสนุกและมีประโยชน์ ทำให้ผู้ใช้ Gen Z กลายเป็นผู้ติดตามที่ภักดีและใช้แอปอย่างต่อเนื่อง
การเข้าใจและใช้กลยุทธ์เหล่านี้ในการทำการตลาดสำหรับ Gen Z จะช่วยให้แบรนด์สามารถดึงดูดและมัดใจกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้การปรับตัวและการทำความเข้าใจพฤติกรรมของ Gen Z อย่างละเอียด จะช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน