เจาะกลยุทธ์ Shoppertainment บน TikTok มัดใจ Gen Z 

ในยุคที่ พฤติกรรมการช้อปปิ้ง ของคนเราเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว Shoppertainment กลายเป็นคำตอบสำคัญที่ช่วยเชื่อมโยงแบรนด์เข้ากับผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่ต้องการมากกว่าการแค่ซื้อสินค้า เพราะพวกเขาต้องการประสบการณ์ที่สนุกสนานและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่พวกเขาชื่นชอบด้วย TikTok จึงสร้างนิยามใหม่ให้กับการตลาดออนไลน์ ด้วยการผสานความบันเทิงเข้ากับการช้อปปิ้งอย่างลงตัว ทำให้แบรนด์สามารถดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคและเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

แม้ว่าการสร้างคอนเทนต์ที่ดึงดูดใจและตรงกลุ่มเป้าหมายไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยแนวคิด Shoppertainment ที่เน้นการเล่าเรื่องราวผ่านความบันเทิงและการเชื่อมต่อทางอารมณ์ ทำให้ TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการตลาดและการขาย

Shoppertainment คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญในยุคนี้? 

Shoppertainment คือรูปแบบการตลาดที่ผสมผสานระหว่าง Shopping (การช้อปปิ้ง) และ Entertainment (ความบันเทิง) โดยใช้คอนเทนต์ที่สร้างความสนุกสนานเพื่อดึงดูดลูกค้า พร้อมกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อสินค้าในเวลาเดียวกัน แนวคิดนี้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัล เพราะสามารถสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับผู้บริโภค แตกต่างจากการช้อปปิ้งแบบเดิม ๆ ที่เน้นเพียงการแสดงรายละเอียดสินค้า Shoppertainment สามารถตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการทั้งความสนุก ความคุ้มค่า และความสะดวกในเวลาเดียวกัน 

หนึ่งในเหตุผลที่ Shoppertainment สำคัญในยุคนี้ คือความสามารถในการเชื่อมต่อกับกลุ่มผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์ออนไลน์ เช่น Gen Z ที่ชื่นชอบคอนเทนต์ที่กระตุ้นอารมณ์และสร้างความประทับใจทันที นอกจากนี้ แบรนด์ที่ใช้กลยุทธ์นี้ยังสามารถเพิ่มการมีส่วนร่วม (Engagement) และสร้างการรับรู้ในแบรนด์ (Brand Awareness) ได้ในเวลาอันสั้น การใช้ Shoppertainment จึงไม่ได้เป็นเพียงการขายสินค้า แต่ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค 

TikTok แพลตฟอร์ม Shoppertainment อันดับหนึ่ง สำหรับ Gen Z 

TikTok กลายเป็นแพลตฟอร์มที่มีบทบาทสำคัญในโลกของ Shoppertainment เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่บน TikTok ถูกออกแบบมาให้สนุก สั้น และกระชับ ซึ่งเหมาะกับพฤติกรรมการเสพสื่อของ Gen Z ที่มีความสนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นอกจากนี้ TikTok ยังมีฟีเจอร์หลากหลายที่ช่วยให้การทำการตลาดผ่าน Shoppertainment เป็นไปได้อย่างราบรื่นด้วย เช่น การใช้เสียง เพลง หรือเอฟเฟกต์ที่กำลังเป็นที่นิยมเพื่อเพิ่มการมองเห็น (Visibility) ของคอนเทนต์ 

สำหรับแบรนด์ การใช้ TikTok เพื่อทำ Shoppertainment ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่มีอิทธิพลต่อการซื้อสินค้าในครอบครัว นอกจากนี้ TikTok ยังช่วยเพิ่มอัตรา Conversion เพราะผู้ชมสามารถดูและตัดสินใจซื้อสินค้าได้ทันทีผ่าน Video Shopping Ads ดังนั้นแบรนด์ที่สามารถนำเสนอคอนเทนต์ในรูปแบบที่สนุกและดึงดูดใจบน TikTok จะมีโอกาสสูงในการสร้างยอดขายและความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว 

รู้จัก 4 กลุ่มนักช้อปบน TikTok 

การเข้าใจพฤติกรรมของนักช้อปบน TikTok จะช่วยให้แบรนด์สามารถวางกลยุทธ์คอนเทนต์ได้อย่างตรงจุด โดย TikTok แบ่งนักช้อปออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ Bargain Hunters, Inspirational Shoppers, Effortless Shoppers, และ Purposeful Shoppers ซึ่งแต่ละกลุ่มมีพฤติกรรมและความต้องการที่แตกต่างกัน ดังนี้

1. Bargain Hunters (นักล่าโปรโมชัน) กลุ่มนี้ชื่นชอบการค้นหาข้อเสนอพิเศษและการลดราคาที่คุ้มค่า การนำเสนอคอนเทนต์ที่เน้นโปรโมชันและส่วนลดที่โดดเด่นจะดึงดูดกลุ่มนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การจัด Flash Sale หรือการสร้างคอนเทนต์ที่เน้นข้อความอย่าง “ลดสูงสุด 50% วันนี้เท่านั้น!” 

2. Inspirational Shoppers (นักช้อปสายอินสไปเรชั่น) กลุ่มนี้มองหาความแปลกใหม่และไอเดียการใช้สินค้าที่สร้างสรรค์ คอนเทนต์ที่มีการรีวิวสินค้า หรือการแนะนำวิธีใช้งานที่น่าสนใจ เช่น “5 วิธีใช้กระเป๋าให้ดูแพง” จะช่วยกระตุ้นให้กลุ่มนี้มีแรงบันดาลใจในการซื้อมากขึ้น 

3. Effortless Shoppers (นักช้อปสายสะดวก) กลุ่มนี้มองหาวิธีช้อปปิ้งที่ง่ายดายที่สุด TikTok ตอบโจทย์นี้ด้วยฟีเจอร์ Video Shopping Ads ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถซื้อสินค้าได้ทันทีโดยไม่ต้องออกจากแอป คอนเทนต์ที่เน้นความสะดวก เช่น “คลิกเดียว จบทุกขั้นตอน!” จะช่วยสร้างแรงจูงใจให้กลุ่มนี้ตัดสินใจซื้อได้รวดเร็ว 

4. Purposeful Shoppers (นักช้อปสายคุณค่า) นักช้อปกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับคุณค่าของสินค้าและแบรนด์ เช่น ความยั่งยืน การสนับสนุนชุมชน หรือกระบวนการผลิตที่มีจริยธรรม การสร้างคอนเทนต์ที่แสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม เช่น การใช้วัสดุรีไซเคิล หรือการบริจาครายได้ส่วนหนึ่งเพื่อช่วยเหลือชุมชน จะดึงดูดนักช้อปกลุ่มนี้ได้ดี 

แบรนด์ที่เข้าใจความแตกต่างของนักช้อปแต่ละกลุ่มและปรับกลยุทธ์คอนเทนต์ให้เหมาะสม จะสามารถเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายและการเชื่อมต่อกับผู้บริโภคบน TikTok ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

กลยุทธ์ Content Marketing บน TikTok ที่ธุรกิจต้องรู้! 

การทำ Content Marketing บน TikTok ต้องเน้นการสร้างเนื้อหาที่สั้น กระชับ และดึงดูดความสนใจในทันที TikTok แนะนำให้ธุรกิจสร้างคอนเทนต์ที่มีเอกลักษณ์และเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น การเล่าเรื่องที่น่าสนใจ หรือการแสดงให้เห็นถึงวิธีการใช้สินค้าที่แตกต่างและเป็นประโยชน์ 

หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญคือการทำ Hashtag Challenges ที่กระตุ้นให้ผู้ใช้มีส่วนร่วม ตัวอย่างเช่น แบรนด์เสื้อผ้าที่สร้างแฮชแท็กให้ผู้ใช้โชว์การแต่งตัวด้วยสินค้าของแบรนด์ นอกจากจะเพิ่มการมีส่วนร่วมแล้ว ยังช่วยสร้างการรับรู้ในแบรนด์และเพิ่มยอดขายได้ในเวลาเดียวกัน การวางกลยุทธ์ Content Marketing ที่เข้าใจความต้องการและพฤติกรรมของผู้ใช้ TikTok จะช่วยให้แบรนด์สามารถสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

สร้างสรรค์คอนเทนต์ TikTok ให้ปัง มัดใจ Gen Z 

การสร้างคอนเทนต์ที่ตรงใจ Gen Z ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะกลุ่มผู้ใช้งานนี้มีพฤติกรรมการเสพสื่อที่รวดเร็วและต้องการความแปลกใหม่อยู่เสมอ TikTok ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงพวกเขาด้วยเครื่องมือสร้างสรรค์ที่หลากหลาย เช่น การใช้เพลงยอดนิยม เอฟเฟกตที่น่าสนใจ หรือเทรนด์ที่กำลังมาแรง โดยแบรนด์ควรเน้นการเล่าเรื่องในวิดีโอที่สามารถดึงดูดความสนใจได้ใน 3 วินาทีแรก พร้อมกับการใส่ Call-to-Action (CTA) ที่กระตุ้นให้ผู้ชมมีส่วนร่วม เช่น “แชร์วิดีโอนี้เพื่อรับส่วนลด!” 

การทำงานร่วมกับ Influencer บน TikTok ยังเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ได้ผลดี เนื่องจาก Influencers สามารถสร้างความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือในสินค้าได้ การเลือก Influencer ที่ตรงกับภาพลักษณ์ของแบรนด์และกลุ่มเป้าหมาย เช่น Influencers ด้านความงามสำหรับสินค้าเครื่องสำอาง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของคอนเทนต์ได้มากขึ้น 

วัดผล และวิเคราะห์ประสิทธิภาพ Content 

การวัดผลและวิเคราะห์ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญในการปรับปรุงกลยุทธ์ Content Marketing TikTok มีเครื่องมือที่ช่วยให้แบรนด์สามารถตรวจสอบข้อมูลสำคัญ เช่น จำนวนการดู (View), การมีส่วนร่วม (Engagement Rate), และยอดการคลิก (Click) การใช้ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้แบรนด์เข้าใจว่าคอนเทนต์ใดที่ได้รับความนิยมและควรปรับปรุงในส่วนใด 

การวิเคราะห์ข้อมูลยังช่วยให้แบรนด์สามารถวางแผนสำหรับการทำ Retargeting ได้ดีขึ้น เช่น การยิงโฆษณาไปยังกลุ่มผู้ชมที่เคยดูวิดีโอสินค้า หรือเคยเพิ่มสินค้าในรถเข็นแต่ยังไม่ได้ซื้อ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจตัดสินใจได้อย่างแม่นยำมากขึ้น และช่วยเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนผู้ชมให้กลายเป็นลูกค้า 

Case Study แบรนด์ดังใช้ Shoppertainment อย่างไรให้สำเร็จ? 

หนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจคือแบรนด์เครื่องสำอางที่ใช้แฮชแท็ก (#HashtagChallenge) เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้ TikTok สร้างคอนเทนต์รีวิวการแต่งหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ ในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์ แฮชแท็กดังกล่าวมียอดการเข้าชมกว่า 10 ล้านครั้ง และยอดขายสินค้าหลักของแบรนด์เพิ่มขึ้น 150% 

อีกกรณีหนึ่งคือแบรนด์เสื้อผ้าที่ใช้ Influencer สร้างคอนเทนต์เกี่ยวกับการแต่งตัวในธีมเฉพาะช่วง Mega Sales เช่น “แต่งตัวไปปาร์ตี้ปีใหม่” พร้อมเสนอส่วนลดพิเศษสำหรับการซื้อในช่วงเวลาดังกล่าว กลยุทธ์นี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มยอดขายในช่วงแคมเปญ แต่ยังสร้างความจดจำในแบรนด์ที่ยาวนาน 

จากข้อมูลทั้งหมดนี้ จะเห็นว่า Shoppertainment บน TikTok ไม่ใช่แค่เทรนด์เท่านั้น แต่เป็นกลยุทธ์ที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถเชื่อมโยงแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมาย Gen Z ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการสร้างคอนเทนต์ที่สนุกสนานและดึงดูดความสนใจได้ทันที พร้อมนำเสนอสินค้าอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งจะสามารถเปลี่ยนผู้ชมให้กลายเป็นลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

การทำ Shoppertainment บน TikTok ช่วยเปิดโอกาสให้ธุรกิจได้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผ่านฟีเจอร์หลากหลาย เช่น Hashtag Challenge, Video Shopping Ads และการร่วมงานกับ Influencer หากแบรนด์สามารถนำกลยุทธ์เหล่านี้ไปใช้ได้อย่างเหมาะสม ก็จะสามารถเพิ่มยอดขาย สร้างการรับรู้ในแบรนด์ และสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับผู้บริโภคได้ในระยะยาว

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: คู่มือ TikTok Ads ปั้นยอดขายธุรกิจ E-Commerce แบบมือโปร