จากการศึกษาพบว่า อีเมลอัตโนมัติ ที่เป็น Welcome Email ที่ส่งหากลุ่มเป้าหมาย สามารถสร้างรายได้ต่ออีเมลได้มากถึง 320% โดยมีอัตราการเปิดอ่านมากกว่าอีเมลประเภทอื่น ๆ ถึง 4 เท่า ขณะที่อัตราการคลิกเข้าไปอ่านก็สูงกว่าอีเมลส่งเสริมการขายถึง 5 เท่า ซึ่งการทำแคมเปญอีเมลอัตโนมัติ นอกจาก Welcome Email แล้วก็ยังสามารถตั้งค่าเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
- ลดการละทิ้งรถเข็น (ใส่ของในตะกร้ารถเข็นแต่ไม่ซื้อสินค้า)
- ขอบคุณสำหรับการซื้อ การดาวน์โหลด หรือการลงทะเบียน
- ยืนยันการเลือกเข้าร่วม
- เมื่อมีการจัดแคมเปญตามวาระสำคัญ อาทิ วันครบรอบ หรือวันเกิด
- ส่งข้อความหาซ้ำ เมื่อลูกค้าไม่ได้เปิดอ่านอีเมลเป็นเวลาหลายเดือน
การแบ่งกลุ่มรายชื่ออีเมลของกลุ่มเป้าหมาย ช่วยให้สามารถส่งเนื้อหาหรือข้อเสนอที่เป็นส่วนบุคคล และมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างเจาะจงมากขึ้น ตามความสนใจที่สอดคล้องกัน ได้แก่ ที่ตั้ง ทางภูมิศาสตร์ ประวัติการซื้อ และอื่น ๆ เพื่อนำไปสู่อัตราการเปิดอีเมล อัตราการคลิกอ่านข้อความ และอัตราการสนทนาที่สูงขึ้น
การปรับแต่งอีเมลให้เหมาะกับตามกลุ่มเป้าหมาย จะทำให้อีเมลมีความโดดเด่นและน่าสนใจยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหากมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายโดยตรง อาทิ สถานที่ของร้านค้าอยู่ในพื้นที่ของกลุ่มเป้าหมาย ทราบประวัติการสั่งซื้อที่ผ่านมาของลูกค้า ซึ่งจะช่วยทำให้อีเมลมีความพิเศษยิ่งขึ้น ส่งผลให้มีอัตราการเปิดอีเมล อัตราการคลิกอ่านข้อความ และอัตราการสนทนาที่สูงขึ้น
จุดประสงค์หลักในการส่งอีเมลไปหากลุ่มเป้าหมาย ก็เพื่อให้คนเหล่านั้นเปิดอ่าน และดำเนินการสั่งซื้อสินค้า ดังนั้น เนื้อหาในอีเมลจึงต้องดึงดูดใจ และทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกว่าตนเองมีส่วนร่วมมากที่สุด จึงจะประสบความสำเร็จในการดึงลูกค้า
การทำการตลาดผ่านอีเมลส่วนใหญ่จำเป็นต้องมีการกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจ ดังนั้น จึงต้องสร้าง Call to action (CTA) เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าดำเนินการใด ๆ ตามที่ต้องการ เช่น ปุ่ม CTA ที่สามารถคลิกเข้าไปสั่งซื้อสินค้า หรือมีลิงก์ที่เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ หรือเพื่ออ่านบล็อก สมัครเข้าร่วมกิจกรรม หรือทำการซื้อในขั้นตอนต่อไป
การตั้งค่ารูปแบบการสมัครสมาชิกบนหน้า Landing Page หรือ Facebook ถือว่าเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเพิ่มจำนวนกลุ่มเป้าหมาย แต่ถ้าจะให้ดียิ่งไปกว่านั้น เมื่อพวกเขาสมัครแล้วควรจะมีการส่งอีเมลกลับไปหาอีกครั้ง เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายยืนยันตัวตนด้วย ซึ่งหากมีการยืนยันอีเมลกลับมาอีกครั้ง นั่นหมายความพวกเขาต้องการรับอีเมลจากคุณ และสนใจในสินค้าและบริการนั้น ๆ จริง จึงนำไปสู่การมีส่วนร่วมกับอีเมลที่ส่งไปหามากขึ้น
หากคิดจะทำการตลาดด้วยการใช้รายชื่ออีเมลจากการซื้อมา ก็เตรียมรับมือกับความล้มเหลวได้เลย เพราะรายชื่อเหล่านั้นไม่ได้เป็นกลุ่มที่เลือกรับข่าวสารจากคุณด้วยความสมัครใจ แทนที่จะตอบรับใด ๆ ก็จะทำเครื่องหมายว่าอีเมลที่คุณส่งไปนั้นเป็นสแปม ทำให้ไม่เห็นข้อความอีเมลใด ๆ ที่ส่งมาหาอีก เท่ากับเป็นการทำการตลาดผ่านอีเมลที่สูญเปล่า เนื่องจากไม่มีผลตอบรับใด ๆ กลับมา
หากส่งอีเมลไปหาแล้วไม่ได้รับการเปิดอ่านในช่วงเวลาที่กำหนด ให้ล้างบัญชีรายชื่ออีเหล่านั้นเสีย เพื่อจะได้ลดความเสี่ยงจากการถูกระบุว่าอีเมลชองคุณเป็นสแปม ซึ่งเป็นผลดีต่อการทำการตลาดผ่านอีเมล ดังนั้น จึงควรทำการล้างรายชื่อ อีเมลอย่างน้อยทุก 6 เดือน เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งอีเมลไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได่ดียิ่งขึ้น
การทำตลาดอีเมลที่ดี ควรหลีกเลี่ยงการใช้อีเมลแบบ [email protected] หรือ No-reply email address เพราะจะเพิ่มโอกาสที่ทำให้อีเมลของคุณเป็นสแปม แต่ควรให้ลูกค้าสามารถส่งอีเมลตอบกลับได้โดยมีที่อยู่ email address ที่ชัดเจน เช่น [email protected] เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กลุ่มเป้าหมายในการตอบอีเมลกลับไปอย่างรวดเร็ว
ควรตรวจสอบองค์ประกอบทั้งหมดในอีเมลก่อนส่งหากลุ่มเป้าหมายทุกครั้ง และควรจะทดสอบส่งอีเมลหาตนเองก่อน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าอีเมลที่ส่งไปนั้นมีข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน มีการแสดงผลรูปภาพที่ถูกต้องหรือไม่ มีคำสะกดผิดหรือไม่ หรือไฮเปอร์ลิงก์ที่เชื่อมไปยังหน้าเว็บไซต์เขียนถูกต้องแล้วหรือไม่
การทำการตลาดผ่านอีเมลที่สำคัญที่สุด คือ การทำความเข้าใจการทำงานของอีเมล โดยการศึกษาจากข้อมูลที่รวบรวมไว้ทั้งหมดจากช่องทางการตลาดผ่านอีเมลให้เข้าใจอย่างถูกต้อง เพื่อจะได่นำมาวิเคราะห์เป็นข้อมูลทางสถิติได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ซึ่งสถิติที่ต้องนำมาวิเคราะห์ อาทิ อัตราการเปิดอีเมล อัตราการคลิก อัตราการส่งอีเมล
แม้ว่าใคร ๆ ก็สามารถทำการตลาดผ่านอีเมล แต่หากต้องการให้เกิดประสิทธิผล ก็จำเป็นต้องมีการการทดสอบรูปแบบขององค์ประกอบต่าง ๆ บนหน้าเว็บไซต์ (Split Test) เพื่อหารูปแบบที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด ซึ่งการทำ Split Test หรือ A/B Testing นั้น คือการแบ่งกลุ่มเป้าหมายในการทำการทดสอบออกเป็นสองกลุ่ม เพื่อดูว่าอีเมลแบบใดได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ากัน อาทิ ข้อความหัวเรื่องที่แตกต่างกัน มีรูปภาพกับไม่มีรูปภาพในอีเมล ปุ่ม CTA ใช้สีแตกต่างกัน หรืออีเมลมาจากชื่อบุคคล ฝ่ายบริการลูกค้า หรือชื่อบริษัท ซึ่งการทำ Split Test จะช่วยให้เข้าใจกลุ่มลูกค้ามากขึ้น
จากเนื้อหาข้างต้น จะเห็นได้ว่าการทำการตลาดออนไลน์ ผ่าน Email Marketing มีความสำคัญเป็นอย่างมาก และหากนำกลยุทธ์เหล่านี้ไปใช้ร่วมด้วยก็จะช่วยให้คุณสามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้ดียิ่งขึ้น
การทำการตลาดผ่านอีเมลที่สำคัญที่สุด คือ การทำความเข้าใจการทำงานของอีเมล โดยการศึกษาจากข้อมูลที่รวบรวมไว้ทั้งหมดจากช่องทางการตลาดผ่านอีเมลให้เข้าใจอย่างถูกต้อง เพื่อจะได่นำมาวิเคราะห์เป็นข้อมูลทางสถิติได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ซึ่งสถิติที่ต้องนำมาวิเคราะห์ อาทิ อัตราการเปิดอีเมล อัตราการคลิก อัตราการส่งอีเมล