Clinic Marketing (#15) (#18)

https://chat.foxbot.app/webchat/?p=1116283&id=RA4oWc5dayKYU8B9
Video Marketing Form V2

โปรดกรอกฟอร์ม ทางเราจะติดต่อกลับภายใน 24 ชม.

หลังจาก กดส่งฟอร์มแล้ว รบกวนเช็คที่อีเมล Inbox หรือ Junk Mail ทางระบบเราจะมีส่งข้อมูลเพิ่มเติม และตอบกลับให้ทางเมล ภายใน 5 นาที

7 เทคนิคการเขียน content สำหรับทำ Lead Nurturing ที่ได้ผล

lead-nurturing

 

Lead Nurturing เป็นกลยุทธ์เชิงรุกในการดูแล และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่คาดหวัง และมีแนวโน้มสูงในการจะกลายเป็นลูกค้าในอนาคต โดยใช้วิธีการส่งมอบข้อมูลที่เหมาะสมและดูแล ติดตาม เอาใจใส่ เพื่อสร้างความไว้วางใจให้พร้อมซื้อสินค้าอย่างเต็มใจ

การเขียนเนื้อหากลุ่มเป้าหมายด้วยการใช้กลยุทธ์ Lead Nurturing เป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ของแคมเปญการตลาด โดยนำกลุ่มเป้าหมายไปสู่ขั้นตอนการซื้อสินค้าหรือบริการมากยิ่งขึ้น ด้วยการเขียนเนื้อหากลุ่มเป้าหมายผ่าน 7 กลยุทธ์ Lead Nurturing

 

1. เป็นศูนย์รวมเนื้อหาตามช่องทางการขาย

กระบวนการด้านการขายประกอบด้วย 3 ขั้นตอน ดังนี้ คือ การรับรู้ การพิจารณา และการซื้อ

  • การให้ความรู้ – Top of the Funnel ควรเริ่มต้นด้วยการกำหนดความต้องการของลูกค้า โดยพิจารณาจากพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายบนเว็บไซต์ อาทิ เคยดูผลิตภัณฑ์บนเว็บไซต์ เพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการรับรู้ถึงแบรนด์
  • การพิจารณา – Middle of the Funne  สิ่งที่ดีที่สุดที่ธุรกิจสามารถทำได้ในขั้นตอนนี้ คือการสร้างความไว้วางใจด้วยการให้ข้อมูลเป็นประโยชน์อย่างมีคุณค่าและข้อดีเกี่ยวกับแบรนด์
  • การซื้อ – Bottom of the Funnel การเชื่อมต่อระหว่างแบรนด์และกลุ่มเป้าหมาย โดยการเขียนเนื้อหากลุ่มเป้าหมายผ่านกลยุทธ์ Lead Nurturing เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มยอดขาย และเพิ่มโอกาสสู่การเป็นลูกค้าที่จะซื้อสินค้าต่อไป เป็นวิธีในการทำความเข้าใจว่ากลุ่มเป้าหมายว่าต้องการข้อมูลใด เพื่อนำมารวบรวมเป็นข้อมูลกลุ่มเป้าหมายต่อไป

 

2. การปรับการเขียนเนื้อหาจากข้อมูลกลุ่มเป้าหมาย

การสร้างเนื้อหาโดยตรงเป็นวิธีสร้างความไว้วางใจจากข้อมูลกลุ่มเป้าหมาย อาทิ ชื่อ ที่ตั้ง บริษัท งาน  ซึ่งการเขียนเนื้อหากลุ่มเป้าหมายด้วยกลยุทธ์ Lead Nurturing สามารถทำได้โดยผ่านช่องทางต่าง ๆ อาทิ

  • อีเมล ได้แก่ อีเมลอัตโนมัติ อีเมลติดตามผล ประกาศ ข่าว และแคมเปญ
  • โซเชียลมีเดีย ได้แก่ แบบสำรวจ การส่งข้อความไปยังกลุ่มเป้าหมาย เนื้อหาเกี่ยวกับการฝึกอบรม และสื่อการศึกษาต่าง ๆ
  • เนื้อหาบนเว็บไซต์ ได้แก่ Landing Page บล็อก และเนื้อหาเชิงกลยุทธ์
  • การกระตุ้นให้ลูกค้าที่เคยซื้อ กลับเข้ามาชมสินค้าอีกครั้ง
  • กิจกรรมและการสัมมนาผ่านเว็บไซต์

ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนอีเมลจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของแคมเปญด้านการตลาด ดังนี้

  • เพิ่มอัตราการเปิดอีเมล (Open Rate) 50%
  • เพิ่มอัตราการคลิกโฆษณา (Click-Through Rate) 75%

การใช้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องและการปรับเปลี่ยนอีเมล:

  • การกล่าวทักทายโดยระบุชื่อบุคคลนั้น ๆ
  • การส่งอีเมลตามเขต เวลา สถานที่ อายุ ฯลฯ
  • การใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง
  • การให้ข้อมูลที่ตรงกับความสนใจและความต้องการ

 

3. การติดตามผลอย่างทันท่วงที

วิธีดีที่สุดคือการส่งการแจ้งเตือนทางอีเมล เพื่อติดตามลูกค้าเป้าหมายไปสู่กระบวนการขาย กลยุทธ์นี้คือวิธีการส่งจดหมายติดตามผลไปยังลูกค้าเป้าหมาย โดยการจัดเป็นหมวดหมู่ตามช่องทางเป้าหมาย ดังต่อไปนี้

  • New leads สร้างการรับรู้ เพื่อเพิ่มกลุ่มเป้าหมายใหม่
  • Cold leads กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับอีเมล แต่ไม่เคยมีการตอบกลับ
  • Warm leads ผู้ที่มีความสนใจในแบรนด์ของคุณอยู่แล้ว และกำลังพิจารณาว่าจะซื้อหรือไม่
  • Hot leads กลุ่มเป้าหมายที่จะทำการซื้อในเร็ว ๆ นี้ หรือไปสู่ขั้นตอนการซื้อต่อไป

 

4. การสร้างเนื้อหาที่สอดคล้องกับลูกค้าเป้าหมาย

การสร้างเนื้อหาที่สอดคล้องกับลูกค้าเป้าหมาย เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความไว้วางใจ ดังนั้น จึงควรสร้างและ ปรับเนื้อหาให้สอดคล้องกับบุคลิกของกลุ่มเป้าหมาย ตามขั้นตอนง่าย ๆ เหล่านี้

  • ระบุกลุ่มเป้าหมายและสร้างบุคลิกของผู้ซื้อผ่านการใช้ข้อมูลประชากร เช่น สถานที่ งาน อายุ ฯลฯ
  • ค้นหาความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย – สิ่งที่พวกเขาต้องการและมีปัญหาที่ต้องการให้แก้ไข
  • ปรับรูปแบบอีเมลในหมวดหมู่เดียวกันกับกลุ่มเป้าหมาย
  • รวบรวมตัวอย่างที่สอดคล้องกับชีวิตประจำวันของกลุ่มเป้าหมาย
  • ส่งอีเมลเชิงพฤติกรรมของบุคคลที่เข้าชม และลิงก์ที่ติดตาม ฯลฯ
  • แสดงให้เห็นว่าคุณไม่ใช่บอท โดยการเพิ่มข้อมูลติดต่อ และข้อมูลอื่น ๆ
  • แบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัว และเบื้องหลังแบรนด์ของคุณกับกลุ่มเป้าหมาย

ยิ่งอีเมลและเนื้อหาเว็บไซต์ตรงตามกลุ่มเป้าหมายของคุณมากเท่าไร ก็ยิ่งสามารถเพิ่มอัตราการขายได้เร็วเท่านั้น ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดในการทำความเข้าใจว่าผู้ชมของคุณต้องการข้อมูลใด คือการค้นหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลชีวิตประจำวัน และความสนใจของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายนั่นเอง

 

5. การให้คำแนะนำกับกลุ่มเป้าหมาย

เนื้อหาที่ให้ความรู้และคำแนะนำเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายสามารถเข้าใจถึงข้อดีของแบรนด์ ด้วยวิธีการแก้ปัญหา และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ ควรเป็นคำแนะนำที่แตกต่างกันไปตาม ขั้นตอนของกระบวนการขายในรูปแบบต่าง ๆ โดยในขั้นตอน Top of the Funnel  จะใช้วิธีการเหล่านี้

  • หนังสืออิเล็กทรอนิกส์
  • คำถามที่พบบ่อย
  • วิดีโอข้อมูลสั้น ๆ
  • บทความในบล็อก
  • รายงานการวิจัย
  • แผนภูมิเปรียบเทียบ
  • อินโฟกราฟิก เป็นต้น

ทั้งนี้ คุณสามารถดึงความสนใจของกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าได้มากขึ้น ด้วยการทำให้พวกเขาคลิกไปยังหน้เว็บที่ต้องการ โดยการใส่ลิงก์ในแคมเปญที่ต้องการส่งไปในอีเมลที่ส่งให้กลุ่มเป้าหมาย

 

6. การใช้ระบบการตลาดอัตโนมัติ

การใช้ระบบการทำตลาดอัตโนมัติมีประโยชน์ และให้ผลกำไรในกระบวนการสร้างกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากขึ้น การเขียนเนื้อหาลูกค้าเป้าหมายผ่านระบบการตลาดอัตโนมัติ โดยควรเป็นเนื้อหาที่มีความเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง ราคา สินค้าสต็อกใหม่ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ หรือการรีวิวผลิตภัณฑ์  ซึ่งอาจจะมาในรูปแบบของอีเมล หรือข้อความทางโทรศัพท์มือถือ

 

7. การกระตุ้นให้การตัดสินใจ (CTA)

การกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจ  หรือ Call to Action (CTA) มีความสำคัญอย่างยิ่งในแคมเปญการดูแลลูกค้าเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ  CTA จึงเป็นวิธี ที่ยอดเยี่ยมในการดึงดูดความสนใจของผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณมีสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายกำลังมองหาอยู่

ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจได้ง่ายขึ้นผ่านช่องทางเหล่านี้  อาทิ

  • บทความในบล็อก
  • อีเมล
  • การสัมมนาผ่านเว็บไซต์
  • คำถามที่พบบ่อย
  • การสาธิต

ทั้งหมดที่ได้กล่าวมาข้างต้น เป็น การเขียนเนื้อหากลุ่มเป้าหมายด้วย 7 กลยุทธ์ Lead Nurturing ในการทำการตลาด จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างความไว้วางใจ และการดูแลใส่ใจลูกค้าเป้าหมายได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อนำไปสู่การสร้างผลกำไรที่เพิ่มขึ้น

iPlan Digital
iPlan Digital
Articles: 70