FOOH คืออะไร Fake Out Of Home สร้างสรรค์โฆษณาแปลกใหม่อย่างไร
ในยุคที่นวัตกรรมเข้าถึงง่าย สามารถนำมาเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทำงานได้ในทุกวงการ FOOH จึงถือกำเนิดขึ้นมา และเป็นตัวแปรสำคัญ ที่ทำให้วงการโฆษณาน่าตื่นตาตื่นใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จากความพิเศษที่สามารถผสมผสานความจริงและภาพลวงตาไว้ในที่เดียวกัน กลายเป็นโฆษณาในรูปแบบใหม่สุดสร้างสรรค์ ถึงอย่างนั้น FOOH ก็มีสิ่งที่น่ากังวลใจอยู่บ้างเหมือนกัน โดยเฉพาะกับนักการตลาดที่คิดจะหยิบมาใช้กับแคมเปญของตนเอง FOOH คืออะไร เราจะมาทำความรู้จักไปพร้อม ๆ กัน
สารบัญ
FOOH คืออะไร
FOOH มาจาก Fake Out of Home เป็นการทำโฆษณาที่อยู่ Outddor หรือกลางแจ้ง โดยการใช้เทคนิคดิจิทัลเข้ามาร่วม ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งภาพ หรือเทคนิคการสร้างภาพแบบ CGI ในการสร้างภาพเสมือน เพื่อสร้างสรรค์ภาพโฆษณาสุดอลังการบนสถานที่สำคัญต่าง ๆ ทั้งที่โฆษณาเหล่านั้นไม่ได้อยู่จริง
โดยจะเน้นการใช้ภาพลวงตา เพื่อสร้างความแปลกใหม่ และดึงดูดความสนใจของผู้คนผ่านโลกออนไลน์ แทนการไปติดตั้งป้ายโฆษณาจริง ๆ ตัวอย่างเช่น แบรนด์สินค้าอาจจะสร้างภาพจำลองของป้ายโฆษณาขนาดยักษ์ บนตึกสูงที่เป็นแลนด์มาร์กของเมือง แล้วนำไปโพสต์บนโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างกระแส
นับเป็นโฆษณาที่ผสมผสานภาพลวงตาเข้ากับความประหลาดใจ และการตอบสนองของผู้คน ที่เข้ามาปฏิวัติแนวทางโฆษณาสื่อนอกบ้าน Out-of-Home แบบเดิม โดยใช้เทคนิคพิเศษและภาพที่สร้างโดยคอมพิวเตอร์ เพื่อสร้างประสบการณ์การรับชมโฆษณาที่แปลกใหม่และน่าจดจำในพื้นที่สาธารณะ ต่างจากป้ายโฆษณาหรือโปสเตอร์แบบเดิม อาศัยความประหลาดใจและภาพลวงตาเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้คน ทำให้โฆษณาเหล่านี้โดดเด่นและเป็นที่จดจำ
หัวใจสำคัญของ FOOH
เทคนิค FOOH หรือ Fake Out Of Home นี้สามารถทำได้โดยการออกแบบโฆษณาให้ล้อไปกับสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ในรูปแบบที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ หรือการสร้างสรรค์งานศิลปะ ที่เล่นกับมุมมองและการรับรู้ของผู้คน ผลลัพธ์ที่ได้คือการทำให้ของปลอมดูเหมือนจริงจนน่าดึงดูดใจ นอกจากนี้ จุดเด่นอีกอย่างของโฆษณาแบบ FOOH คือรูปแบบที่กระชับ ซึ่งผู้บริโภคชื่นชอบ และช่วยสร้างการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้อย่างแท้จริง
FOOH ภาพลวงตาที่เหมือนจริง
สิ่งที่ทำให้โฆษณา FOOH โดดเด่นคือ ลักษณะที่เหมือนจริงสุด ๆ จากการใช้เทคนิคการผสมผสานโลกเสมือนจริง (AR) หรือเทคนิค CGI ในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ดิจิทัล ที่สามารถทำให้คนมองว่าเป็นของจริง ไม่ว่าจะเป็นภาพพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามเหนือชายหาดอันเงียบสงบ หรือภาพทิวทัศน์เมืองที่คึกคัก เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ดังนั้นโฆษณา FOOH จึงมีพลังในการสร้างความประหลาดใจและดึงดูดผู้ชมได้เป็นอย่างดี
เสน่ห์ของโฆษณาแบบ FOOH
โฆษณา FOOH ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะสามารถเชื่อมโยงอารมณ์ความรู้สึกกับผู้ชมได้ เป็นโฆษณาที่สามารถพาผู้ชมไปยังสถานที่อันไกลโพ้น, ดึงผู้ชมเข้าสู่โลกแห่งจินตนาการ หรือแม้กระทั่งให้ผู้ชมมองเห็นภาพไลฟ์สไตล์ในฝัน ซึ่งการเชื่อมโยงทางอารมณ์เหล่านี้ มักส่งผลให้เกิดการมีส่วนร่วมกับแบรนด์มากขึ้น ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างผู้บริโภคกับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่โฆษณา
FOOH กับการสร้างไวรัลในยุคของโซเชียลมีเดีย
ด้วยลักษณะที่แปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร และบางครั้งก็ยังแฝงไว้ด้วยอารมณ์ขัน FOOH จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะได้รับความสนใจบนโลกออนไลน์ แคมเปญที่ประสบความสำเร็จ สามารถกลายเป็นหัวข้อสนทนาได้อย่างรวดเร็ว ขยายผลกระทบออกไปไกลเกินกว่าแค่การใช้เทคนิค AR ที่ออกแบบไว้ในเบื้องต้น ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ
- แคมเปญของเครื่องสำอาง Maybelline ที่รถไฟใต้ดินและรถเมล์ปรากฏตัวพร้อมกับติดขนตาขนาดยักษ์ รอคอยการแต่งแต้มด้วยมาสคาร่าขนาดมหึมา แคมเปญโฆษณาชิ้นนี้สร้างสรรค์ด้วยภาพคอมพิวเตอร์ ที่สร้างกระแสตอบรับบนโลกออนไลน์ได้อย่างมากมาย
- Subway กับการเนรมิตรถบัสในปารีสให้กลายเป็นแซนด์วิช เพื่อโปรโมตรสชาติของแซนด์วิชเมนูใหม่ที่มีชีสเยิ้ม ถือเป็นวิธีสร้างสรรค์ในการโปรโมตสินค้าที่สร้างความฮือฮาไม่น้อย
- แบรนด์เสื้อผ้าสัญชาติอิตาลีอย่าง Benetton ก็ไม่น้อยหน้า แปลงโฉมรถบัสของแบรนด์ โดยมีสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลหลายตัวในชุดหลากสีสัน วิ่งออกมานอกรถบัส ซึ่งวิดีโอนี้สร้างกระแสตอบรับเชิงบวกมากมาย บนช่องทางโซเชียลมีเดียของแบรนด์
สำหรับแบรนด์แล้ว FOOH ไม่ใช่แค่วิธีการที่สร้างความโดดเด่นเหนือคู่แข่งเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้อีกด้วย การทำโฆษณาแบบดั้งเดิมขนาดใหญ่อาจซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง ในขณะที่ FOOH ช่วยให้แบรนด์สร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในราคาที่ย่อมเยากว่า
ความท้าทายของโฆษณาแบบ FOOH
แม้แคมเปญ FOOH จะมีศักยภาพ แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายหลายประการ ทำให้การวางแผนและการดำเนินการ ต้องอาศัยความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับพื้นที่ กลุ่มเป้าหมาย และบ่อยครั้งต้องอาศัยความกล้าที่จะคิด สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องแน่ใจว่าข้อความของแบรนด์จะไม่สูญหายไป ท่ามกลางความพยายามในการสร้างสรรค์โฆษณา เพราะหากสื่อสารข้อความได้ไม่ชัดเจน หรือเข้าใจผิด สิ่งเหล่านี้อาจนำไปสู่การรับรู้แบรนด์ในแง่ลบ หรือแคมเปญที่สร้างความเข้าใจผิดมากเกินไปหรือขาดความชัดเจน ก็อาจทำให้ผู้ชมรู้สึกหงุดหงิดหรือสับสน เช่น แคมเปญของ JD Sports ที่แสดงภาพหอนาฬิกา Big Ben สวมแจ็คเก็ตขนเป็ดอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ The North Face ซึ่งทำให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตหลายคนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ถึงขั้นวิพากษ์วิจารณ์แคมเปญนี้
ดังนั้นประเด็นทางจริยธรรม ก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องคำนึงถึง เนื่องจากเส้นแบ่งระหว่างความจริงกับภาพลวงตาค่อนข้างใกล้กันมาก ดังนั้นสิ่งสำคัญที่แบรนด์ต้องทำคือ ต้องระบุว่าเป็นภาพที่สร้างโดยคอมพิวเตอร์ เพื่อรักษาความโปร่งใสในการนำเสนอโฆษณากับผู้บริโภค นอกจากนั้นในโลกที่เทรนด์เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจอกับอิทธิพลของโซเชียลมีเดีย แคมเปญ FOOH ก็อาจล้าสมัยหรือสูญเสียความน่าสนใจไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งข้อนี้แบรนด์ก็ไม่ควรลืมที่จะคำนึงถึงด้วยเช่นกัน
ข้อควรพิจารณาสำหรับแบรนด์ที่อยากเข้าสู่โลกของ FOOH
แม้โฆษณา FOOH จะเป็นแนวทางใหม่ที่น่าสนใจในโลกการตลาด แต่ก็มีความท้าทายและข้อเสียที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากเส้นแบ่งระหว่างความจริงกับภาพลวงตาอาจใกล้กันมาก จนทำให้ผู้บริโภคสับสน และเกิดการตั้งคำถามเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของสิ่งที่พวกเขาเห็น ดังนั้นแบรนด์จึงมีสิ่งที่ควรพิจารณาดังนี้
- ความโปร่งใส สิ่งสำคัญที่แบรนด์ควรคำนึงถึงคือการแจ้งให้ผู้บริโภคทราบอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการใช้ CGI หรือ AR ในโฆษณา โดยการระบุอย่างชัดเจนว่าเป็น FOOH คอนเทนต์ เพื่อช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ชม
- คุณภาพของคอนเทนต์ ความสำเร็จของ FOOH ขึ้นอยู่กับคุณภาพของคอนเทนต์ การใช้เทคนิค CGI หรือ AR ที่ไม่ดี อาจส่งผลให้เกิดการรับรู้แบรนด์ในแง่ลบ
- ประเด็นทางจริยธรรม โฆษณา FOOH ที่ทำให้ผู้ชมเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเรื่องจริง อาจก่อให้เกิดประเด็นทางจริยธรรม แบรนด์ควรคำนึงถึงความซื่อสัตย์และความจริงแท้ในการสร้างสรรค์แคมเปญ
- ความคาดหวังของผู้ชม การทำความเข้าใจกับความคาดหวังของกลุ่มเป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญ บางกลุ่มอาจชื่นชมความคิดสร้างสรรค์ของโฆษณา FOOH ในขณะที่บางกลุ่มอาจชอบโฆษณาแบบดั้งเดิมมากกว่า
อนาคตของโฆษณาแบบ FOOH
มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคตของโฆษณาแบบ FOOH ซึ่งหลายคนก็ยอมรับว่ายังคงมีศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัด ตราบใดที่เทคโนโลยียังคงพัฒนาต่อไป ความเป็นไปได้ในการสร้างสรรค์โฆษณา Fake Out Of Home ก็ไม่มีที่สิ้นสุด อีกทั้งแบรนด์ต่าง ๆ ก็พร้อมที่จะผลักดันขอบเขตของความคิดสร้างสรรค์และการมีส่วนร่วมไปอีกขั้น อย่างไรก็ตาม นี่เป็นสนามที่ต้องอาศัยการวางแผนอย่างรอบคอบ เนื่องจากเสน่ห์ของสิ่งที่ไม่จริงนั้น จะต้องอยู่ร่วมกับความโปร่งใสและการพิจารณาทางจริยธรรมด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง: Meta Advantage Suite เข้าถึงลูกค้าผ่านวิดีโอมากขึ้นด้วย AI