Clinic Marketing (#15) (#18)

https://chat.foxbot.app/webchat/?p=1116283&id=RA4oWc5dayKYU8B9
Video Marketing Form V2

โปรดกรอกฟอร์ม ทางเราจะติดต่อกลับภายใน 24 ชม.

หลังจาก กดส่งฟอร์มแล้ว รบกวนเช็คที่อีเมล Inbox หรือ Junk Mail ทางระบบเราจะมีส่งข้อมูลเพิ่มเติม และตอบกลับให้ทางเมล ภายใน 5 นาที

การทำการตลาด E-COMMERCE MARKETING อย่างไรให้ได้ผลที่ดีขึ้นกว่าเดิม

E-COMMERCE MARKETING คือ?

ECOMMERCE MARKETING คือการใช้เทคนิคการตลาดที่ใช้โปรโมทเพื่อกระตุ้นยอดขายทางออนไลน์ เทคนิคพวกนี้สามารถการคุ้นเคยของแบรนด์ในมุมมองผู้บริโภค(Brand awareness) , ความภักดีต่อแบรนด์(Brand loyalty) และการเพิ่มยอดขายทางออนไลน์อย่างจริงจัง ซึ่งเทคนิคเหล่านี้สามารถใช้ได้ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ และนี่คือ 17 วิธีกระตุ้นยอดขายออนไลน์

 

1. UPSELL สินค้าของคุณ

หลายท่านอาจจะสงสัยว่าการ UPSELL คืออะไร UPSELLคือการเสนอตัวเลือกหรือปริมาณที่มากกว่าหรือดีกว่าให้ลูกค้าพิจารณานั่นเอง เช่นเวลาคุณไปทานอาหารที่ร้าน อาหารฟาสต์ฟู้ด เวลาเราสั่งอาหารเสร็จ พนักงานจะถามคุณต่อทันทีว่าต้องการเพิ่มไซส์อาหารของคุณมั้ย?

สำหรับหลายๆธุรกิจการ UPSELL มีประสิทธิภาพมากกว่าการหาลูกค้าใหม่ซะอีก เพราะในบางครั้งลูกค้าก็ไม่รู้ว่ามีสินค้าดีกว่าอยู่ในร้านด้วย หรือบางครั้งก็ต้องการการอธิบายให้เข้าใจอย่างชัดเจนว่าสินค้าที่ราคาแพงกว่านั้นจะพอดีกับความต้องการของเค้าหรือเปล่า

อย่างไรก็ตาม การ UPSELL จะต้องพิจารณาถึง 2 ปัจจัยนี้
1.การ UPSELL ต้องเกี่ยวกับสินค้าที่ลูกค้าจะซื้อตอนแรก
2.กำหนดช่วงราคาที่เพิ่มขึ้นให้เหมาะสม

อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดสินค้าของคุณจะต้องตรงกับความต้องการของที่ลูกค้าซื้อในตอนแรกและต้องสามารถโน้มน้าวลูกค้าให้รู้ว่าการ UPSELL นี้คุ้มที่จะจ่ายเงินมากกว่าจำนวนที่ลูกค้าคิดไว้ตอนแรก

 

upsell-your-products

 

2. ร่วมมือกับ INSTAGRAM

INSTAGRAM คือหนึ่งในแอปพลิเคชันยอดนิยมที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดต่อวัน (ประมาน 500 ล้านคนต่อวัน) ดังนั้นจึงมีลูกค้า อินฟลูเอนเซอร์ แบรนด์ต่างๆ มากมายที่ใช้งานแอปพลิเคชั่น ถ้าคุณโพสภาพสินค้าของคุณสวยๆใช้ Hashtag(#)ที่น่าสนใจบวกกับการโพสในเวลาที่ถูกต้อง แปลว่าคุณกำลังใช้งานแอปพลิเคชั่นอย่างถูกต้องสำหรับการเพิ่มยอดขาย หรือ คุณอาจจะจ่ายค่าโฆษณาให้ทาง INSTAGRAM โดยตรงเพื่อให้ทางแอปพลิเคชั่นโพสสินค้าของคุณขึ้นมาในหน้าฟีดและสตอรี่ และที่สำคัญอย่าลืมใส่ช่องทางการซื้อขายโดยตรงไว้ในโพสของคุณด้วย

 

integrate-instagram
 

3. ลดจำนวนตะกร้าสินค้าที่ถูกทิ้ง Reduce abandoned carts

[ความจริงที่น่าขัน : คุณกำลังเสียยอดขายทุกครั้งที่ลูกค้าปล่อยออเดอร์ไว้เฉยในตะกร้าสินค้าออนไลน์]
จากสถิติของ BAYMARD INSTITUTE พบว่า 69.23% ของลูกค้ามักปล่อยหรือลืมว่าสั่งสินค้าไว้หลังจากกดเพิ่มสินค้าไว้ในรถเข็นในการซื้อขายทางเว็บไซต์เพราะเกิดจากความลังเลจากขั้นตอนที่มากเกินไป ดังนั้นวิธี การตลาด E-commerce ที่ง่ายๆแต่ได้ผลคือการส่งอีเมลเตือนลูกค้าว่าลูกค้าได้สั่งสินค้าไว้ จะทำให้ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะกลับมาเช็คแต่ชำระเงินสินค้าอย่างที่ตั้งใจไว้ตอนแรก หรืออีกวิธีคือส่งอีเมลแนะนำสินค้าที่น่าสนใจเพิ่มเติมเพื่อให้ลูกค้ากลับมาซื้อของกับเราอีกครั้ง

 

reduce-abandoned-carts
reduce-abandoned-carts-1

 

4.เปิดร้านค้าในเฟซบุ๊ค

ถึงแม้ว่าเฟซบุ๊คจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบอยู่บ่อยๆแต่ก็ยังคงเป็นช่องทางที่เหมาะกับการทำการตลาด E-commerce อยู่ดี โดยคุณสามารถสร้างยอดขายที่มากขึ้นผ่านช่องทางนี้ได้และยิ่งไปกว่านั้นเฟซบุ๊คนี้สามารถเชื่อมโดยตรงกับ SHOPIFY (ช่องทางการสร้างร้านค้า E-commerce) ของคุณได้อีกด้วย

 

launch-facebook-store

 

5.ใส่ใจในการส่งอีเมลให้ลูกค้ามากขึ้น

เพราะการส่งอีเมลเป็นการแจ้งลูกค้าให้รับทราบข่าวสารของคุณ เนื่องจากในบ้างครั้งโซเชียลมีเดียมีโพสต่างๆมากเกินที่ลูกค้าจะตามทัน แต่ช่องทางอีเมลนี้ลูกค้าจะสามารถเห็นข้อความเราได้อย่างชัดเจน และการส่งข้อมูลในอีเมลนี้มีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวอีกด้วย

จากการวิจัยของ Forrester พบว่า 17% ของการซื้อขายออนไลน์เกิดขึ้นผ่านช่องทางอีเมลและสามารถทำรายได้มากกว่า 24% ของกำไรอีกด้วย อย่างไรก็ตามควรเริ่มจากโปรโมทให้มีผู้ติดตามเยอะๆมากที่สุดจะทำได้

 

capture-more-emai-subscribers

 

6.พัฒนาแคมเปญที่เกี่ยวกับอีเมลของคุณ

การส่งเมลธรรมดาๆอาจจะไม่ได้ผลเท่าที่ควร แต่ด้วยวิธีเหล่านี้อีเมลคุณน่าจะสนใจมากขึ้นจนสามารถพิชิตใจลูกค้าได้

  • ส่งอีเมลขอบคุณลูกค้าทันทีหลังลูกค้าซื้อสินค้า
  • เสนอโปรโมชั่นหรือของแถมให้ลูกค้าทางอีเมล
  • ส่งอีเมลแจ้งเตือนลูกค้าเรื่องส่วนลด สินค้าใหม่ๆ รวมถึงข่าวอัปเดตของบริษัทคุณ
  • ส่งเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่ลูกค้าซื้อไปเพื่อให้ลูกค้าใช้งานได้อย่างเต็มที่
  • จัดโปรโมชั่นลดล้างสต็อกช่วงวันหยุดเพื่อเสนอการให้รางวัลตัวเองของลูกค้า
  • ส่งข้อความขอบคุณที่เป็นภาษาของคุณโดยเฉพาะให้ลูกค้า
  • พยายามถาม Feedback จากลูกค้าเพื่อนำมาปรับปรุงร้านของคุณ
 
improve-your-email-campaigns

 

7.ส่งอีเมล Wishlist เพื่อเตือนลูกค้า

หลายๆครั้งลูกค้าจะชอบเลือกสินค้าไว้ในรายการโปรดไว้แต่ลืมที่จะกดซื้อสินค้า โดยอีเมลนี้จะเป็นการแจ้งลูกค้าว่าสินค้าโปรดของลูกค้ายังวางขายอยู่หรือว่าอาจจะหมดแล้วเพื่อให้ลูกค้าได้ทราบถึงสถานะสินค้านั้นๆ และยังเป็นการเตือนลูกค้าทางอ้อมให้กลับมาซื้อสินค้าที่พวกเค้าเคยแสดงความสนใจอีกด้วย

 

8.ออกแบบหน้าตาร้านค้าให้ใช้งานง่าย

หน้าร้านค้าออนไลน์ของท่านควรออกแบบให้ดีเพื่อให้ลูกค้าซื้อสินค้าได้ง่ายที่สุด เช่นการมีตัวหนังสืออ่านง่าย ขั้นตอนการซื้อขายที่เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน อย่าใส่สินค้ามากเกินไปในหน้าเดียว มีตัวหนังสือหรือรูปภาพมากเกินไปหรือเปล่า ธีมของหน้าร้านเข้ากับสินค้าหรือไม่

 

ecommerce-marketing

 

9.เชื่อมต่อกับลูกค้าด้วยการเพิ่มช่องแชท

ไม่มีวิธีไหนที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าของท่านได้ดีกว่าการมีช่องแชทในร้านค้าออนไลน์ของคุณอีกแล้ว ช่องแชทจะสามารถทำให้ผู้ขายสื่อสารกับลูกค้าได้โดยตรง ท่านจะสามารถให้คำแนะนำหรือตอบคำถามที่ลูกค้าได้ด้วยตัวท่านเอง

 

engage-online-store-visitors

 

10.คาดการณ์ตลาดการซื้อขายในอนาคต

ถ้าหากคุณคิดจะขยายร้านค้าของคุณในอนาคต คุณควรจะวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของสถานการณ์ของตลาดทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน โดยสามารถหาข้อมูลได้จากเว็ปไซต์ ข่าว เทรนด์ในโลกออนไลน์ต่างๆ

อีกวิธีที่น่าสนใจในการทดสอบคือการ pre-sell (เปิดให้จองล่วงหน้า) เพื่อดูว่าลูกค้าสนใจสินค้าของคุณมากขนาดไหน หรือแม้แต่การโพสสินค้าชิ้นนึงด้วยรูปภาพคุณภาพสูงและเขียนไว้ว่าสินค้าหมดแต่ใส่ปุ่มให้ลูกค้ากดเพื่อ“เตือนเมื่อมีสินค้าอีกครั้ง”เพื่อเป็นการทดสอบว่าสินค้านั้นได้รับความสนใจขนาดไหน

anticipate-future-sales

 

11.เริ่มสร้างเนื้อหาการตลาด (Content marketing)

ทุกร้านค้าออนไลน์ควรเริ่มสร้างช่องทางที่สามารถเขียนและโพสคอนเทนท์(เนื้อหา)ทางการตลาดได้การเขียนคอนเทนท์ทางการตลาดนี้จะทำให้ร้านค้าและสินค้าของคุณน่าสนใจมากขึ้นและสามารถทำให้สินค้าของคุณขึ้นไปอยู่อันดับต้นๆของระบบ search engine อีกด้วย คุณอาจจะสร้างคอนเทนท์ด้วยวิธีเหล่านี้
1.การสร้าง Blog
2.ฝากบทความไว้บทเว็ปไซต์อื่นๆเพื่อเพิ่มความคุ้นเคยให้กับลูกค้า
3.เริ่ม Podcast (รายการเสียงทางอินเทอร์เน็ตที่สามารถดาวน์โหลดได้)
4.สร้างคอนเทนท์ระยะยาวเพื่อให้ลูกค้าเข้าใจและใช้งานสินค้าของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามถ้าคอนเทนท์ของคุณเขียนได้ดี น่าสนใจ น่าติดตาม คอนเทนท์ของคุณอาจจะได้ไปอยู่บนหน้าเพจดังต่างๆได้ฟรีโดยไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณาเลยทีเดียว

 

12.การปรับตลาดให้เข้ากับลูกค้าแต่ละกลุ่ม

PERSONALIZATION(การปรับการตลาดให้เข้ากับแต่ละกลุ่มลูกค้า)เป็นการตลาดอีกวิธีที่ค่อนข้างได้ผลและสามารถเพิ่มยอดขายได้ทางออนไลน์ได้ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรม ประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าหรือสินค้าที่ลูกค้าซื้อในช่วงที่ผ่านๆมา โดยเราสามารถศึกษาสิ่งเหล่านี้ของลูกค้าและนำมาวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อีกด้วย

embrace-personalization

 

13.การใช้เนื้อหาแบบ user-generated

เนื้อหาแบบ user-generated (เนื้อหาที่เกิดขึ้นจากผู้ใช้ทั่วไป เช่น การรีวิว)เป็นทางที่ดีที่จะพิสูจน์ว่าสินค้าและบริการของคุณดีพอ เพราะเวลาลูกค้าเห็นรีวิวจากผู้ใช้ทั่วไปจะมีความมั่นใจในการซื้อมากขึ้นโดยเฉพาะเวลาเห็นลูกค้าท่านอื่นถ่ายรูปตอนกำลังใช้สินค้า

 

leverage-user-generated

 

14.เจาะตลาดท้องถิ่น

เราไม่จำเป็นจะต้องเจาะตลาดคนในเมืองเท่านั้นแต่เราสามารถจะเข้าถึงคนท้องถิ่นเพื่อเพิ่มยอดขายทางออนไลน์ การเจาะตลาดท้องถิ่นมีวิธีคร่าวๆดังนี้
1.ดูว่าคุณสนใจพื้นที่ไหนเป็นพิเศษและจัดโปรโมชั่นสำหรับพื้นที่นั้นๆโดยดูว่าสินค้าแบบไหนที่คนพื้นที่นั้นๆสนใจและอยากซื้อ ดูพฤติกรรม กิจกรรมต่างๆของคนพื้นที่ และ หาฤดูกาลที่เหมาะกับการจัดโปรโมชั่น
2.หากคุณมีโกดังหรือคลังสินค้าคุณสามารถจัดโปรโมชั่นฟรีหรือลดค่าขนส่งให้กับคนพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อเพิ่มยอดขายได้อีกด้วย

 

15.ปรับปรุงเว็ปไซต์ร้านค้าของคุณ

โดยการ Conversion rate optimization (CRO) หรือการปรับปรุงให้ผู้ใช้มีการใช้งานเว็ปไซต์ของคุณมากขึ้น โดยการปรับปรุงนี้จะทำให้คุณเห็นปัญหาต่างๆว่าทำไมยอดขายตก?ทำไมคนไม่ค่อยเข้าดูเว็ปไซต์? ปัญหาเหล่านี้สามารถค้นพบได้จากการวิจัยเชิงปริมาณและคุณภาพซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของคนเป็นอย่างมาก

 

16.เพิ่มสำหรับเวอร์ชั่นมือถือ

จากสถิติของ Statista จนถึงปี 2021 มากกว่าครึ่งของลูกค้าที่ซื้อขายผ่านทางออนไลน์คาดหวังให้ร้านค้าต่างๆเปิดใช้งานแอปพลิเคชั่นในมือถือ เพราะเวลาเปิดเว็ปไซต์ในมือถือขนาดต่างๆจะแตกต่างจากเปิดโดยคอมพิวเตอร์และใช้งานยาก

โดยคุณจะต้องปรับจากเวอร์ชั่นเว็ปไซต์ให้เหมาะกับเวอร์ชั่นมือถืออย่างเช่น ทำให้ปุ่ม”ซื้อสินค้า”ใหญ่ขึ้นและวางบนไว้ด้านบนเพราะลูกค้าจะได้ไม่ต้องกดซูม หรือ เลื่อนหน้าจอขึ้นลงมากเกินไป

 

optimize-for-mobile

 

17.ให้รางวัลตอบแทนกับลูกค้าประจำของคุณ

การรักษาลูกค้าประจำคือหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มยอดขายออนไลน์ โดยหลายๆบริษัทใช้วิธีจัดเก็บรายชื่อลูกค้าประจำและเสนอส่วนลด ของแถม โปรโมชั่นพิเศษ การจัดส่งสินค้าฟรีเป็นระยะเวลานึง หรือตามแต่ที่ทางร้านจะเห็นสมควร

iPlan Digital
iPlan Digital
Articles: 70