ทำความรู้จักซอฟต์แวร์ระบบ Ticket ของ LiveAgent
หลังจากได้ทราบกันไปแล้วว่า ระบบ Ticket คืออะไร และจำเป็นต่อธุรกิจของคุณอย่างไร? วันนี้ เราจะมาเจาะลึกซอฟต์แวร์ของแบรนด์ LiveAgent ว่ามีจุดเด่นที่น่าสนใจอย่างไร และเหมาะกับรูปแบบธุรกิจของคุณหรือไม่?
LiveAgent คือซอฟต์แวร์ที่เน้นบริการ Live Chat ด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น มุมมองที่เห็นว่ากำลังพิมพ์ตอบข้อความอยู่, การตรวจสอบการมีส่วนร่วมในการแชต และยังมีกล่องข้อความแบบ Universal Inbox ที่สามารถรวบรวม Ticket ได้จากหลากหลายช่องทางด้วย
สื่อสารกับลูกค้าได้ทุกช่องทางออนไลน์ยอดนิยม
ซอฟต์แวร์ระบบ Ticket ของ LiveAgent มีชุดเครื่องมือหลากหลายซึ่งช่วยให้การบริการลูกค้าทำได้ในช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ที่ลูกค้านิยมใช้งานอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์มากกว่า 130 รายการ และใช้งานร่วมกับแอปฯ ยอดนิยมต่าง ๆ ได้มากกว่า 200 รายการ
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจและประทับใจการให้บริการผ่านระบบซอฟต์แวร์ Ticket ของ LiveAgent และมีลูกค้าถึง 70% ที่เลือกจะกลับมาใช้บริการสินค้าของคุณ เนื่องจากพอใจที่สามารถติดต่อผ่านช่องทางโซเชียลต่าง ๆ ที่ใช้งานเป็นประจำอยู่แล้ว ทั้ง Facebook, Twitter, Instagram และ WhatApp
โดดเด่นด้วยกล่องข้อความแบบ Universal Inbox
กล่องข้อความแบบ Universal Inbox ของ LiveAgent ทำให้การติดต่อพูดคุยกับลูกค้าเป็นไปอย่างราบรื่นในทุกช่องทาง ทั้งอีเมล, โทรศัพท์, ช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ หรือ Live Chat เพราะทุกอย่างถูกรวมไว้ในกล่องข้อความเดียว และกล่องข้อความที่ทีมงานสามารถใช้งานร่วมกันได้ นอกจากนี้ ยังช่วยให้ทีมงานสามารถตอบข้อความที่เข้ามาทั้งหมดได้โดยตรงจากกล่องข้อความ โดยไม่ต้องเสียเวลาตรวจสอบหรือลงชื่อเพื่อเข้าใช้งานในแต่ละแพลตฟอร์ม
โดดเด่นด้วยฟีเจอร์ Hybrid Ticket Stream
อีกคุณสมบัติที่โดดเด่นของ LiveAgent คือฟีเจอร์ Hybrid Ticket Stream ที่ช่วยให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าสามารถอยู่ใน Ticket ชุดเดียวกันได้ แม้ว่าลูกค้าจะสนทนากับทีมงานในหลายช่องทาง เช่น แจ้งปัญหาเข้ามาทาง Live Chat แต่ส่งข้อมูลให้ทีมงานทางอีเมลหรือโทรศัพท์ในภายหลัง ซึ่งการสนทนากับลูกค้าทั้ง 3 ช่องทางนี้ สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ใน Ticket เดียวกันด้วยฟีเจอร์ Hybrid Ticket Stream
LiveAgent เหมาะสำหรับทีมงานขนาดเล็ก
ซอฟต์แวร์ระบบ Ticket ของ LiveAgent เหมาะอย่างยิ่งกับทีมงานขนาดเล็กที่ใช้ WordPress และยังสามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันยอดนิยมอื่น ๆ ที่สนับสนุนการทำงานของทีมด้วย โดยมีแผน (Plan) ให้เลือกได้หลากหลาย ตั้งแต่ราคา 15 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือนไปจนถึง 39 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน
สำหรับเวอร์ชันใช้งานฟรีนั้นยังคงมีเครื่องมือที่ใช้ออก Ticket รวมอยู่ด้วย เช่นเดียวกับข้อมูลพื้นฐานที่ให้บริการลูกค้า (Customer Portal) และ Community Forum ที่ให้บริการลูกค้าสำหรับการสอบถามและขอความช่วยเหลือเมื่อมีปัญหา แต่เวอร์ชันฟรีจะได้รับเพียงรายงาน (Report) พื้นฐาน, ประวัติการออก Ticket 7 วันย้อนหลังเท่านั้น นอกจากนี้ ปุ่มสำหรับแชต, หมายเลขโทรศัพท์ และที่อยู่อีเมลของลูกค้า จะมีเพียงอย่างละหนึ่งรายการเท่านั้นด้วย
ค่าบริการในแต่ละแผนต่อผู้ใช้งาน 1 User
- Ticket: 15 ดอลลาร์สหรัฐ/เดือน
- Ticket+Chat: 29 ดอลลาร์สหรัฐ/เดือน
- All-inclusive: 49 ดอลลาร์สหรัฐ/เดือน
ทดลองใช้งานฟรี: 14 วัน
ที่มา: zendesk.com / liveagent.com
บทความที่เกี่ยวข้อง: เปรียบเทียบระบบ Ticket 15 แบรนด์ดัง เลือกซอฟต์แวร์เจ้าไหนดี?