Meta Advantage Suite เข้าถึงลูกค้าผ่านวิดีโอมากขึ้นด้วย AI
ในโลกของการตลาดออนไลน์ปฏิเสธไม่ได้ว่า Meta บริษัทแม่ของ Facebook และ Instagram มีอิทธิพลอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะเป็นแบรนด์หรือร้านค้าปลีก การเข้าถึงลูกค้าด้วยโซเชียลมีเดีย จะด้วยรูปแบบหรือเครื่องมือไหนก็ตาม เป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนเกมให้แบรนด์อย่างที่คาดไม่ถึง ดังนั้นเมื่อ Meta ขยับตัว นักการตลาดหรือเจ้าของแบรนด์จึงต้องตามให้ทัน
สารบัญ
มีอะไรใหม่ใน Meta Advantage Suite
ล่าสุด Meta ประกาศเกี่ยวกับเข้าถึงลูกค้าด้วยวิดีโอ, เครื่องมือ AI และรูปแบบโฆษณาที่พัฒนาขึ้น ได้แก่
- ออปชันใหม่ของวิดีโอสำหรับการเล่าเรื่องราวของสินค้า ในโฆษณาแคตตาล็อก Advantage+ (Advantage+ Catalog Ads)
- วิธีการใหม่ ๆ ในการกระตุ้นยอดขายผ่านโฆษณาแจ้งเตือน (Reminder Ads) โปรโมชันเด่น ๆ และการโฆษณาจากการแท็กสินค้า (Product Tags) ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถค้นหาข้อมูล รายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ง่ายขึ้น
- ช่วยให้เครือข่ายสื่อของร้านค้าปลีกต่าง ๆ เข้าถึงลูกค้าบน Meta และวัดผลการตลาดจากทุกช่องทางที่มีแคมเปญได้
เห็นได้ว่าไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับการใช้ประโยชน์จาก Meta เพราะร้านค้าปลีกทั่วโลกต่างใช้โซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Meta เพื่อสร้างสรรค์คอนเทนต์อย่างรวดเร็ว รวมถึงพัฒนาความสัมพันธ์กับลูกค้า และเพิ่มยอดขายด้วย ซึ่งผู้ซื้อเองก็ต้องการซื้อสินค้าได้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาข้อมูลหรือคำแนะนำจากแพลตฟอร์มอื่น ทำให้ AI เข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมาก
โดย Meta มีการเปิดตัวเครื่องมือ AI ใหม่ ที่นำเสนอข้อมูลและปรับแต่งตามความต้องการของแต่ละบุคคลเพื่อช่วยสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจซื้อสินค้าหลังจากเห็นโฆษณา
นำ Dynamic Storytelling มาใช้กับ Advantage Suite
ผู้ที่ลงโฆษณากับ Meta เกือบทั้งหมดจะใช้เครื่องมือที่อยู่ในชุด Advantage Suite อย่างน้อย 1 อย่าง เพื่อปรับแต่งประสิทธิภาพโฆษณาให้ดียิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน วิดีโอ Reels และวิดีโออื่น ๆ บนแอปพลิเคชันก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในแต่ละวันมีผู้เข้าชมวิดีโอทุกประเภทเพิ่มขึ้นกว่า 25% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งในทุกวันมีคนแชร์คลิป Reels มาถึง 3.5 พันล้านครั้งต่อวัน
เมื่อวิดีโอเข้าถึงคนดูได้อย่างมีประสิทธิภาพ Meta จึงนำมาใช้ใน Advantage Suite มากยิ่งขึ้น ด้วยการสร้างสรรค์ของ AI เพื่อช่วยให้ผู้ที่ซื้อโฆษณาสามารถเชื่อมต่อกับลูกค้าและยกระดับผลลัพธ์ทางการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ฟีเจอร์วิดีโอใน Advantage Suite ที่สร้างสรรค์โดย AI
Advantage + สามารถปรับแต่งวิดีโอได้อย่างสร้างสรรค์
Advantage+ สามารถปรับแต่งวิดีโอโฆษณาได้อย่างสร้างสรรค์ขึ้น โดยสามารถปรับวิดีโอให้เป็นอัตราส่วน 9:16 ได้อัตโนมัติ เมื่อดูบน Reels หรือผ่านแอปพลิเคชัน Facebook และ Instagram ในมือถือ และยังช่วยให้ผู้ซื้อโฆษณา สร้างสรรค์โฆษณาได้หลากหลายรูปแบบ เพื่อปรับแต่งโฆษณาให้สอดคล้องกับสิ่งที่ผู้ชมแต่ละคนตอบสนองมากที่สุด
Advantage+ Catalog Ads แนะนำสินค้าให้ผู้ชมโดยอัตโนมัติ
Advantage+ Catalog Ads จะแนะนำสินค้าให้ผูชมโดยอัตโนมัติตามความสนใจของแต่ละบุคคล และยังสามารถ Import วิดีโอของแบรนด์ หรือวิดีโอรีวิวการใช้งานจากลูกค้าแทนการใช้แค่ภาพนิ่งได้อย่างสร้างสรรค์ด้วย ซึ่งตอนนี้ผู้ซื้อโฆษณาทั่วโลก สามารถใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์นี้ได้อย่างเต็มรูปแบบ ช่วยให้การนำเสนอข้อมูลสินค้าดึงดูดใจมากขึ้น โดยผ่านวิดีโอแบบไดนามิกที่ปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะบุคคล
AI เลือกภาพสินค้าที่ดีสุด เพื่อแสดงใน Advantage+ Catalog Ads
Advantage+ ช่วยสร้างสรรค์โฆษณาแคตาล็อกได้ โดยตอนนี้ผู้ลงโฆษณาสามารถอัปโหลดภาพหลัก (Hero Image) ไว้ตรงกลางของโฆษณาแคตตาล็อกได้แล้ว จากนั้น ระบบ AI ของ Meta จะแสดงสินค้าที่ดีที่สุดจากแคตตาล็อกของผู้ลงโฆษณาให้กับผู้ชมแบบไดนามิก เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพให้กับผลลัพธ์ทางการตลาด
Shop Ads สำหรับนักโฆษณาสาย DTC (Direct-to-Consumer)
Shops Ads นับเป็นเครื่องมือชั้นดีสำหรับนักโฆษณาสาย DTC (การลงโฆษณาแบบส่งตรงถึงผู้บริโภค) เพราะช่วยให้ผู้คนซื้อสินค้าบน Facebook หรือ Instagram ได้ง่ายขึ้น หลังจากเห็นโฆษณา ทำให้ผู้ลงโฆษณาจำนวนมากได้ใช้ประโยชน์จากโฆษณา Shops Ads ได้มากขึ้น อีกทั้งขณะนี้ทาง Meta กำลังขยายการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่าง Magento และ Salesforce Commerce Cloud ซึ่งจะทำให้ร้านค้าปลีกสามารถใช้ประโยชน์จาก AI ในการใช้ Advantage+ ร่วมกับ Shops Ads
นอกจากนี้ Meta ยังนำ Shops Ads มาไว้ใน Partnership Ads (ก่อนหน้านี้เรียกกันว่า Branded Content Ads) ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถลง Shops Ads ร่วมกับครีเอเตอร์, แบรนด์ หรือธุรกิจอื่น ๆ ได้ ซึ่งจะช่วยผสานข้อดีของพันธมิตรทางการตลาดกับการแสดงผลของโฆษณาในแคมเปญเดียว
รูปแบบไดนามิกใหม่ในการดึงดูดลูกค้าเป้าหมาย
ไม่เพียงการนำพลังของ AI มาเพิ่มประสิทธิภาพในการทำโฆษณาเท่านั้น แต่ Meta ยังมีเครื่องมือแบบไดนามิกใหม่ ๆ ให้กับผู้ลงโฆษณา เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้นด้วย ประกอบด้วย
Reminder Ads บนอินสตาแกรม
สำหรับงานเปิดตัว กิจกรรม และช่วงเวลาต่าง ๆ ขณะนี้นักโฆษณาสามารถใส่ลิงก์จากภายนอก (External Link) ไปยังสินค้าใหม่หรือโปรโมชันในโฆษณาเตือนความจำได้แล้ว เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนความสนใจของผู้คนให้กลายเป็นการตัดสินใจซื้อสินค้า นอกจากนี้ ในช่วงกลางปี 2024 ยังเตรียมเพิ่มวิธีให้ผู้ลงโฆษณาสามารถแจ้งเตือนเมื่อกิจกรรมกำลังจะเริ่มขึ้น หรือก่อนกิจกรรมนั้น ๆ จะจบลงได้ด้วย อีกทั้งยังวางแผนที่จะนำ Reminder Ads มาใช้กับ Reels เพื่อช่วยให้ผู้โฆษณาสามารถดึงความสนใจและเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าที่มากขึ้น
เน้นโปรโมชันให้กับนักโฆษณา
เครื่องมือนี้ไม่เพียงทำให้การเน้นโปรโมชันของผู้โฆษณาทำได้ง่ายขึ้น แต่ยังช่วยให้ผู้คนค้นพบและใช้โค้ดโปรโมชันที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้องอีกด้วย โดยเป็นการทำผ่านโฆษณาบน Facebook และ Instagram ผู้ลงโฆษณาที่ใช้ฟีเจอร์นี้จะมีค่าใช้จ่ายในแคมเปญลดลงเฉลี่ย 9.1% ขณะที่มี Conversion เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10.1% โดยฟีเจอร์นี้กำลังเริ่มเปิดตัวให้กับธุรกิจมากขึ้นและจะประกาศความพร้อมใช้งานทั่วโลกสำหรับโค้ดส่งเสริมการขายนี้
โฆษณาที่มีแท็กสินค้า (Ads with Product tags)
โฆษณาที่มีแท็กสินค้า ช่วยให้ผู้คนสามารถเข้าถึงข้อมูลเพิ่มเติมได้อย่างรวดเร็ว และยังทำให้พวกเขาสามารถซื้อสินค้าผ่านโฆษณาและชำระเงินได้ทันที โดยเดือนมีนาคม 2024 ได้มีการนำโฆษณาที่มีแท็กสินค้ามาไว้ในฟีดข่าวบน Facebook จากเดิมที่มีเฉพาะบน Instagram ส่วนเดือนเมษายน 2024 จะเปิดตัวโฆษณาที่มีแท็กสินค้าให้ใช้งานได้ทั่วโลกสำหรับทุกธุรกิจ
สนับสนุนร้านค้าปลีกด้วยเครือข่ายสื่อต่าง ๆ
ปัจจุบันร้านค้าปลีกต่างกำลังสร้างเครือข่ายโฆษณาของตนเอง เพื่อโปรโมตแบรนด์ไปยังลูกค้าในรูปแบบใหม่ที่ปรับแต่งได้แบบเฉพาะบุคคล ซึ่ง Meta ให้การสนับสนุนเครือข่ายสื่อโฆษณาเหล่านี้ผ่านโฆษณาแบบ Collaborative Ads ที่เป็นโซลูชันแบบบริการตนเอง ที่ช่วยให้เครือข่ายสื่อโฆษณาของร้านค้าปลีก (RMNs) สามารถทำการตลาดไปยังผู้คนบนแพลตฟอร์มร่วมกับพันธมิตรแบรนด์ต่าง ๆ และด้วยระบบวิเคราะห์ขั้นสูง (Advanced Analytics) ยังช่วยให้ร้านค้าปลีกสามารถตรวจสอบได้ว่า การสร้างการรับรู้ในช่องทางดิจิทัล ช่วยกระตุ้นยอดขายในร้านค้าได้หรือไม่ แต่ยังคงให้ความสำคัญกับการเคารพความเป็นส่วนตัวของลูกค้า
นอกจากนี้ Meta ยังทดสอบความสามารถของผู้ลงโฆษณาในการใช้โฆษณาแบบ Collaborative Ads ร่วมกับแคมเปญช้อปปิ้งของ Advantage+ ด้วย โดยผลการศึกษาล่าสุดแสดงให้เห็นว่าผู้ลงโฆษณาได้รับผลตอบแทนจากการโฆษณาเพิ่มขึ้น 14% และต้นทุนต่อการซื้อลดลง 13%
โดยช่วงมีนาคม-พฤษภาคม2024 จะมีการเปิดตัว Advantage+ Catalog Ads กับการตลาดทุกช่องทางของแบรนด์ รวมถึงรายงานระดับปริมาณของสินค้าที่เกิดขึ้น จากการใช้โซลูชันระบบการจัดการแบบใหม่ ที่ช่วยเครือข่ายสื่อโฆษณาของร้านค้าปลีก (RMNs) เพื่อพิสูจน์ให้เห็นชัด ๆ ว่าโฆษณาบนแพลตฟอร์ม Meta แบบใหม่นี้ ช่วยกระตุ้นยอดขายได้ทั้งออนไลน์และหน้าร้าน
Fast Fact ที่น่าสนใจ
จากที่ Meta ร่วมกับ Lowe’s (ห้างขายวัสดุก่อสร้างและต่อเติมบ้านชื่อดังที่มีสาขาทั่วอเมริกาและแคนาดา) ในการวัดผลประสิทธิภาพของแคมเปญเครือข่ายสื่อโฆษณาธุรกิจค้าปลีก มีสถิติต่าง ๆ ที่น่าสนใจดังนี้
- 79% ของคน GenZ (อายุ 18-24 ปี) ซื้อสินค้าและบริการหลังจากเห็นใน Reels (ผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างอายุ 16-64 ปี ที่ใช้งาน Facebook Reels หรือ Instagram Reels เป็นประจำทุกสัปดาห์ จำนวน 6,758 คน จาก 7 ประเทศ คือ บราซิล, เยอรมัน, อินเดีย, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา)
- 46.5% ของผู้บริโภคต้องการซื้อสินค้าด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือหรือคำแนะนำ
- ปัจจุบันเกือบทั้งหมดของนักโฆษณาบน Meta ใช้ผลิตภัณฑ์ Meta Advantage อย่างน้อยหนึ่งตัว
- จากการศึกษา Conversion Lift ล่าสุด ที่ทำการสำรวจกับนักโฆษณา 925 รายทั่วโลก พบว่าพวกเขาได้รับผลตอบแทนจากการใช้โฆษณาแบบ Omnichannel 3.47 เท่า (1.76 เท่าในหน้าร้านและ 1.71 เท่าทางออนไลน์)
- ช่วงสัปดาห์ Cyber Five (ช่วงลดราคาใหญ่ปลายเดือนพฤศจิกายน) แบรนด์เครื่องสำอาง Fresh ใช้แคมเปญช้อปปิ้ง Advantage+ ร่วมกับเครื่องมือสร้างสรรค์ข้อความโฆษณาอัตโนมัติของ Meta เพื่อดึงยอดขาย ผลลัพธ์คือ พวกเขาได้ผลตอบแทนจากการโฆษณาสูงขึ้น 5 เท่า และยอดซื้อเพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับแคมเปญตามปกติ
บทความที่เกี่ยวข้อง: OpenAI Sora คือ โมเดล AI ที่สร้างวิดีโอจากข้อความได้สมจริง!