เปิดร้านค้าออนไลน์บน WordPress ต้องลงปลั๊กอินตัวไหนบ้าง?
WordPress เป็นแพลตฟอร์ม CMS (Content Management System) หรือเว็บไซต์สำเร็จรูปที่เราสามารถนำมาออกแบบและสร้างเว็บไซต์ของตัวเองได้ เป็นอีกหนึ่งช่องทางการขายของออนไลน์ที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะคนที่อยากเปิดร้านขายสินค้าแบรนด์ตัวเอง เจ้าของธุรกิจ และคนอยากมีเว็บไซต์ขายของของตัวเองโดยเฉพาะ ซึ่งการใช้ WordPress ก็ง่ายและสะดวกมาก เพราะมี “ปลั๊กอิน” (Plugin) ที่ทำให้การเปิดร้านค้าออนไลน์เป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะสร้างแคตตาล็อกสินค้าหรือทำระบบชำระเงิน มือใหม่ก็ทำได้!
รวมปลั๊กอิน WordPress สำหรับคนอยากเปิดร้านขายของออนไลน์
1. WooCommerce
WooCommerce เป็นปลั๊กอินขายของออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับหนึ่งบน WordPress มีการพัฒนาและอัปเดตอยู่ตลอดเวลา ใช้งานง่าย มีฟีเจอร์เพิ่มเติมและธีม (Theme) ให้เลือกปรับแต่งมากมาย ทำให้มีความยืดหยุ่นสูง จะขายสินค้าจริงที่จับต้องได้หรือสินค้าประเภทดิจิทัลอย่าง E-Book ก็รองรับ มีความปลอดภัยสูง รองรับระบบการชำระเงินหลากหลายรูปแบบ ทำให้เลือกสร้าง Payment Gateway ที่เหมาะสมกับร้านของเราได้ง่ายกว่า
2. WP eCommerce
ปลั๊กอิน WP eCommerce เป็นปลั๊กอินขายของออนไลน์ที่ได้รับความนิยมบน WordPress เพราะใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน มีระบบช่วยเหลือผู้ใช้งานที่ดี พร้อมแนวทางการใช้งานแบบละเอียด ปรับแต่งได้ค่อนข้างอิสระ เหมาะสำหรับคนที่ชอบความง่าย สะดวก ไม่ต้องมีฟีเจอร์เยอะเกินจำเป็น โดยสามารถเลือกปรับแต่ง Dashboard ของปลั๊กอินให้มีเฉพาะส่วนเสริมที่เราต้องการจริง ๆ ได้
3. Cart66
Cart66 เป็นปลั๊กอินขายของออนไลน์ WordPress ที่เหมาะกับผู้ใช้งานมือใหม่ เพราะฟีเจอร์ส่วนเสริมต่าง ๆ ที่จำเป็นถูกลงไว้ให้เรียบร้อยในตัว ไม่ต้องเลือกเพิ่มส่วนเสริมเองให้ปวดหัว จึงเหมาะกับผู้เริ่มต้นทำเว็บขายของออนไลน์ด้วยตัวเองเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังรองรับทั้งสินค้าจริงและการขายไฟล์ดิจิทัล รองรับการชำระเงินมากกว่า 100 รูปแบบ เรียกได้ว่าครบเครื่องจริง ๆ
4. BigCommerce
BigCommerce เป็นทั้งปลั๊กอินและ CMS ในตัวเอง จึงน่าสนใจสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่เพราะมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง สามารถเชื่อมต่อร้านค้าแพลตฟอร์มอื่นเข้ามาได้ เช่น ร้านค้าบนเฟซบุ๊ก นอกจากนี้ยังมีพาร์ทเนอร์เยอะทำให้รองรับ Payment Gateway หลายช่องทาง เหมาะสำหรับเจ้าของแบรนด์หรือธุรกิจที่ต้องการความปลอดภัยสูง และต้องการตัวช่วยลงขายสินค้าบนเว็บไซต์ที่มีความเสถียร
5. Easy Digital Downloads (EDD)
ปิดท้ายกันที่ปลั๊กอิน EDD หรือ Easy Digital Downloads สำหรับเจ้าของร้านที่เน้นขายสินค้ารูปแบบไฟล์ดิจิทัลโดยเฉพาะ เช่น E-Book หรือไฟล์เสียง หน้าตาของปลั๊กอินเรียบง่าย ใช้งานง่าย ไม่มีประสบการณ์มาก่อนก็สามารถตั้งค่าได้ด้วยตัวเอง ไม่ซับซ้อน นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เพิ่มเติมให้โหลดมาใช้งาน ทั้งการสร้าง Payment Gateway รูปแบบต่าง ๆ และเครื่องมือทางกรตลาดอื่น ๆ ด้วย
ใครที่อยากขายของออนไลน์บนเว็บไซต์ WordPress ของตัวเอง การมีปลั๊กอินจะช่วยให้มีร้านค้าออนไลน์ได้ง่ายขึ้น เพียงเลือกปลั๊กอินให้เหมาะสมกับร้านค้าของเรา ไม่ว่าจะสร้างเว็บไซต์ แคตตาล็อกสินค้า หรือสร้างระบบรับชำระเงิน ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย
บทความที่เกี่ยวข้อง: ลงประกาศขายของมือสองออนไลน์กับ Kaidee ต้องทำอย่างไร?